โลกแตก 2012 !!! จริงหรือหลอก? และ 6 ข้อ แผ่นดินไหว ที่คนชอบตื่นตูม
จากประชาชาติธุรกิจ
เรื่อง พนิดา สงวนเสรีวานิช
เรื่องลือ ข่าวลวง เม้าท์กันให้แซ่ด เรื่องโลกจะแตก!!!
พูดกันหนาหูซะขนาดนี้ มีหรือนักวิชาการด้านวิทยาศาสตร์จะอยู่เฉย งานนี้ ที่คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จัดงานเวทีเสวนา วิชาการเรื่อง "โลกแตก 2012 !!! ในเชิงวิชาการ...จริงหรือหลอก?" แลกเปลี่ยนความรู้กัน จัดขึ้นโดยเชิญนักวิชาการจากหลายหน่วยงานเพื่อให้ข้อมูลความรู้ที่เป็นประโยชน์แก่ประชาชนและสื่อมวลชน
หนึ่งในนักวิชาการบนเวทีเสวนา ดร.ไพบูลย์ นวลนิล ภาควิชาฟิสิกส์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ อธิบายถึงข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการเกิดแผ่นดินไหวบนเวทีว่า มีคนเปิดประเด็นว่าพายุสุริยะทำให้เกิดแผ่นดินไหว และแผ่นดินไหวทำให้เกิดโลกแตก จริงๆ แล้ว แผ่นดินไหวเป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติที่ไม่มีฤดูกาล เกิดขึ้นทุกวันและเกิดวันละหลายๆ ครั้ง ฉะนั้นถ้าผมเป็นคนที่ไม่มีความรู้ และบอกว่าขณะนี้กำลังเกิดแผ่นดินไหว ผมทายถูก
ถามว่าพายุสุริยะทำให้เกิดแผ่นดินไหวหรือไม่ ถูกต้อง แต่ไม่ร้อยเปอร์เซ็นต์ และไม่ถือว่าเป็นการทำนายการเกิดแผ่นดินไหวที่ถูกต้อง เพราะการบอกว่าจะเกิดแผ่นดินไหวใหญ่ในปี 2012 แต่ไม่ได้บอกว่าจะเกิดขึ้นที่ไหน ถือว่าทำนายไม่ถูก เพราะแผ่นดินไหวที่ถือว่าเป็นแผ่นดินไหวใหญ่ต้องมีขนาด 7 เป็นต้นไป ปีหนึ่งเกิดขึ้น 15-18 ครั้ง ส่วนแผ่นดินไหวขนาดค่อนข้างรุนแรง คือขนาด 4-6 เกิดขึ้นทุกวันๆ ละ 15-20 ครั้ง และแผ่นดินไหวขนาด 2 เกิดขึ้นนาทีละ 2 ครั้ง
ดร.ไพบูลย์ บอกอีกว่า แผ่นดินไหวนั้นเป็นเรื่องของมายาคติ ที่เข้าใจกันผิดบ่อยๆ กล่าวคือ...
1.หลังปี ค.ศ.2000 แผ่นดินไหวใหญ่เพิ่มขึ้นผิดปกติ?
แผ่นดินไหวแม้จะเริ่มมีการบันทึกตั้งแต่ 2000 ปีก่อน ค.ศ. แต่เครื่องมือที่ใช้วัดแผ่นดินไหวนั้นก่อนปี ค.ศ.1964 จะตรวจวัดได้ก็ต่อเมื่อเป็นแผ่นดินไหวรุนแรงขนาด 9.6 แต่ปัจจุบันแผ่นดินไหวขนาดเพียง 2 (ขนาดเล็กมาก) ก็สามารถตรวจวัดได้ และมีการรายงานเพิ่มขึ้นจากทั่วโลก ขณะเดียวกันการที่เราสามารถเข้าถึงข้อมูลข่าวสารจากทั่วโลกได้ง่ายขึ้น และประชาชนให้ความสนใจมากขึ้น ทำให้เรารู้สึกว่าเกิดแผ่นดินไหวบ่อยขึ้น
2.แผ่นดินไหวทำนายได้ เช่น บอกว่าแผ่นดินไหวใหญ่จะเกิดปีหน้า แล้วเกิดขึ้นจริง?
คำจำกัดความของ "การทำนายแผ่นดินไหวได้" ต้องทำนายได้ครบ 3 องค์ประกอบ คือ เกิดที่ไหน เกิดเมื่อใด และเกิดขนาดเท่าใด หากขาดอย่างใดอย่างหนึ่งถือว่าทำนายไม่ถูก ซึ่งการที่มีความพยายามของนักวิชาการในการทำนายการเกิดแผ่นดินไหวนั้นก็ เพื่อลดการสูญเสียเมื่อเกิดแผ่นดินไหวฉะนั้นการทำนายแผ่นดินไหวโดยไม่ครบ องค์ประกอบทั้งสามจึงถือว่า"ไม่เป็นประโยชน์"
3.พฤติกรรมของสัตว์บางชนิด เช่น สุนัข แมว รู้ล่วงหน้าว่าจะเกิดแผ่นดินไหว?
ไม่เป็นความจริง เพราะสุนัขและแมวรับรู้ด้วยการดมกลิ่น แผ่นดินไหวไม่มีกลิ่นจึงไม่สามารถรับรู้ได้ แต่บางครั้งที่ได้ยินสุนัขเห่าก่อนเกิดแผ่นดินไหว นั่นเป็นเพราะสุนัขอาจจะรับรู้ได้ถึงแรงสั่นสะเทือนของคลื่นพื้นผิวหลังการเกิดแผ่นดินไหว
4.หากเกิดแผ่นดินไหวเล็กๆ บ่อยๆ จะดี เพราะจะทำให้แผ่นดินไหวใหญ่ไม่เกิด?
ไม่เป็นความจริง เพราะถ้าเป็นเช่นนั้นหมายความว่าแผ่นดินไหวขนาด 3 ซึ่งเกิดขึ้นปีละ 30-40 ครั้งนั้นต้องใช้เวลาสะสมถึง 32,700 ครั้งจึงจะเท่ากับขนาด 6 นั่นหมายความว่าจะต้องรอเป็นพันปีจึงจะเกิดแผ่นดินไหวขนาด 6 สักครั้งหนึ่ง ซึ่งในความเป็นจริง ตามหลักการแล้วการเกิดแผ่นดินไหวขนาดเล็กๆ อาจจะเกิดจากแขนงของรอยเลื่อนที่มีการขยับตัว
5.แผ่นดินไหวเกิดเป็นฤดูกาล เช่น หน้าร้อน พื้นดินแห้ง?
แผ่นดินไหวเป็นภัยพิบัติที่ไม่มีฤดูกาล เกิดตลอดเวลา ทุกนาที
6.หากเกิดแผ่นดินไหวในทะเลแล้วจะเกิดสึนามิ?
การจะเกิดสึนามิได้ต้อง 1.เป็นแผ่นดินไหวที่มีขนาด 7 เป็นต้นไป 2.จะต้องมีจุดศูนย์กลางแผ่นดินไหวลึกไม่เกิน 50 กิโลเมตร 3. กลไกการเคลื่อนตัวของเปลือกโลกต้องเกิดในแนวดิ่ง
และเมื่อรู้ข้อมูลแล้ว หากวันข้างหน้าจะเกิดอะไรขึ้น สิ่งที่ต้องมีไว้กับตัวเพียงอย่างเดียวก็คือ "สติ" นั่นเอง
สยบข่าวลือ'วันโลกแตก' อย่าเชื่อคนให้ข้อมูล
โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
เสวนาสยบข่าวลือ"วันโลกแตก" 21-12-2012 ยันพายุสุริยะไม่เกี่ยวแผ่นดินไหวใหญ่ แนะอย่าเชื่อคนให้ข้อมูลไม่รู้จริง เหน็บโลกแตกเพราะคนแตกแยก
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วานนี้(18ธ.ค.)คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มีการจัดเสวนาหัวข้อ "โลกแตก 2012!!! ในเชิงวิชาการ...จริงหรือหลอก?" โดยมีการรวบรวมข้อมูลที่โยงเข้าสู่ประเด็นโลกแตก อาทิ ดาราศาสตร์ ดาวเรียงตัว พายุสุริยะ แผ่นดินไหว วิทยาศาสตร์ลวงโลก เป็นต้น ภายหลังมีกระแสเรื่องวันสิ้นโลก คำทำนายการล่มสลาย รวมทั้งปรากฏการณ์ธรรมชาติที่มีกลุ่มคนกลุ่มหนึ่งมาคาดการณ์จะเกิดขึ้น รวมทั้งทำนายเกี่ยวกับผลกระทบด้านภัยพิบัติร้ายแรงที่จะเกิดขึ้นโดยไม่มีหลักฐานหรือข้อมูลทางวิชาการอ้างอิง
ผศ.พงษ์ ทรงพงษ์ อาจารย์ภาควิชาฟิสิกส์ คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาฯ กล่าวว่า เรื่องตื่นเต้นคงไม่พ้นวันศุกร์ที่ 21 ธ.ค.นี้ มีการตีความ มีการโยงจากหลายเรื่องทั้งแผ่นดินไหว พายุสุริยะ ซึ่งพายุสุริยะที่เกิดขึ้นในอดีตเกิดขึ้นเพราะสนามแม่เหล็กของดวงอาทิตย์แปรปรวนมีการบันทึกได้ 24 ครั้ง ล่าสุดเกิดขึ้นในปี 2001 ซึ่งพายุสุริยะที่เกิดขึ้นแต่ละครั้ง อาจจะกระทบกับสัญญาณดาวเทียม และระบบการรับสัญญาณของโทรทัศน์เท่านั้น แต่ดวงอาทิตย์เป็นสิ่งที่ทำนายล่วงหน้าไม่ได้ หากจะมาบอกว่าวันที่ 21 ธ.ค.นี้ จะเกิดพายุสุริยะรุนแรงก็เป็นไปไม่ได้ ทั้งนี้ พายุสริยะมีจริง มีผลเกิดขึ้นจริง แต่มนุษย์ได้พัฒนาและระบบป้องกันตัวไว้แล้ว
ดร.บัญชา ธนบุญสมบัติ นักวิชาการสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ(สวทช.) กล่าวว่า ดวงอาทิตย์มีวันหมดอายุใน 4.5 พันล้านปี ก็จะเป็นดาวแดงดวงใหญ่ หรืออาจจะทำให้โลกร้อนก็จะเป็นโลกแตกในเชิงวิทยาศาสตร์ได้ แต่มนุษย์ส่วนใหญ่ก็มีอายุไม่เกิน 100 ปี ดังนั้นหากมีข่าวเรื่องพายุสุริยะประชาชนต้องไล่ไปว่าเป็นผลกระทบเป็นแบบไหน หรืออย่างไร หรือให้สอบถามจากคนให้ข่าวนั้น ถ้าคนให้ข่าวไม่ยอมตอบ แสดงว่าคนให้ข่าวนั้นไม่ทราบเรื่องพายุสุริยะจริง
ด้านดร.ไพบูลย์ นวลนิล อาจารย์ภาควิชาฟิสิกส์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ กล่าวว่า มีผู้เปิดประเด็นไม่ว่าจะแหล่งไหนบอกว่าพายุสุริยะจะเกิดแผ่นดินไหวขนาดใหญ่ จริง ๆ แล้วเรื่องแผ่นดินไหวมีมายาคติจำนวนมาก ทำให้คนเข้าใจผิดรวมถึงนักวิชาการที่ออกสื่อก็เข้าใจผิดเรื่องแผ่นดินไหว เพราะแผ่นดินไหวไหวเกิดทุกวัน ทุกนาที เป็นปรากฎการณ์ธรรมชาติ เป็นปรากฎการณ์ที่ร้ายแรงที่สุดของมวลมนุษยชาติ นอกจากนี้เปลือกโลกมี 15 แผ่น การเกิดแผ่นดินไหวแต่ละครั้งก็ไม่ได้เกิดสะเปะสะปะ ซึ่งแผ่นดินไหวขนาดใหญ่ขนาด 6 ริกเตอร์ขึ้นไปจะเกิดขึ้นบริเวณรอยต่อของเปลือกโลก ซึ่งแผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นในเมืองไทยคลื่นพื้นผิวจะเดินทางไปทุกตำบลภายใน 4 นาที แต่หน่วยงานไหนของไทยยังเตือนแผ่นดินไหวไม่ได้ส่วนความเชื่อมโยงของพายุสุริยะเกี่ยวกับแผ่นดินไหวนั้น ไม่มีความเกี่ยวข้อง เพราะสถิติไม่ได้สอดคล้องกับปฎิกิริยาของดวงอาทิตย์ที่เปลี่ยนแปลงไป ที่ผ่านมาบนดวงจันทร์เคยมีบันทึกเกิดแผ่นดินไหว 2 พันกว่าครั้ง แต่แค่ขนาด 2 ริกเตอร์ หากพายุสุริยะมีผล เหตุใดดวงจันทร์ไม่แตกไปแล้ว นอกจากนี้ ความเชื่อว่าแผ่นดินไหวเกิดเล็กดี ๆ ดีกว่าจะเกิดขนาดใหญ่ ๆ ก็เป็นเรื่องเข้าใจผิด เพราะหากเกิดขนาด 5 ริกเตอร์ ก็ต้องไหวพันครั้งถึงจะไหวเท่าขนาด 7 ริกเตอร์ จึงมาเทียบกันไม่ได้ว่าเกิดเล็ก ๆ จะไม่เกิดใหญ่ ทั้งนี้ ปรากฎการณ์ธรรมชาติทั้งพายุสุริยะและแผ่นดินไหวเกิดขึ้นคนละปรากฎการณ์ไม่ได้เกี่ยวข้องกัน
ขณะที่ ดร.สธน วิจารณ์ลักษณ์ อาจารย์ภาควิชาฟิสิกส์ คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาฯ กล่าวว่า ความเชื่อเรื่องโลกแตกไม่ได้มีเฉพาะชนเผ่ามายา เพราะเกิดขึ้นในทุกอารยะของมนุษย์ ซึ่งชนเผ่ามายาได้รับความสนใจมานาน โดยปฏิทินมายานั้นเป็นเครื่องมือในการนับวันของคน ไม่มีคนก็ไม่มีปฎิทิน การที่ปฎิทินจะเกี่ยวกับเรื่องภัยพิบัติคงจะยาก เรื่องนี้เกิดจากนักเขียนคนหนึ่งบอกจะมีการสิ้นสุดของโลกวันที่ 21 เดือน 12 ปี 2012 ขณะที่การเกิดพายุสุริยะต้องใช้เวลามาถึงโลก 4 วัน ถ้าจะเกิดขึ้นวันที่ 21 ธ.ค. ต้องเกิดตั้งแต่วันที่ 16 ธ.ค.ที่ผ่านมา แต่ขณะนี้ไม่มีรายงานการเกิดพายุสุริยะ ส่วนกระข่าวลือดาวเคราะห์นิบิรุใหญ่กว่าโลก 4 เท่าจะพุ่งชนโลกนั้น ถ้าวันนี้มีดาวเคราะห์นิบิรุบนท้องฟ้าเพื่อจะมาชนโลกเราจะต้องมองเห็นแล้ว ไม่ต้องกังวล
ไร่รักษ์ไม้,มูลไส้เดือน,เกษตรแปรรูป,อุปกรณ์แค้มปิง,อุปกรณ์ป้องกันอุบัติภัย,เอาตัวรอดในภาวะวิกฤต