คมชัดลึก :ฉันยังจำได้ว่าขณะที่ยืนตัดริบบิ้นอยู่นั้น หากใครแหงนขึ้นไปชมภาพที่อยู่บนท้องฟ้า จะพบว่ามีเครื่องบินเฮลิคอปเตอร์ รวม 9 ลำบินแปรขบวนและปล่อยควันสีต่างๆ อย่างน่าชมมาก
จากนั้นในพิธีเปิดงานประชุมวิชาการ ฉันได้ถูกกำหนดให้พูดเรื่อง “คนกับธรรมชาติ” (MAN AND NATURE) ขณะที่ขึ้นไปอยู่บนเวที ฉันสังเกตเห็นมกุฎราชกุมารญี่ปุ่นประทับฟังอยู่ตรงหน้าเวที ด้านหลังมีประชากรจากนานาชาติกลุ่มหนึ่งนั่งอยู่หลายแถว ผลจากการพูดครั้งนั้นได้ทำให้สุภาพสตรีชาวแคนาดา 3 คนน้ำตาไหล
หลังจบพิธีเปิดงานแล้ว เย็นวันนั้นตัวฉันเองและบรรดาบุคลากรชาติต่างๆ กลุ่มหนึ่ง ได้รับเชิญให้ไปร่วมงานเลี้ยงรับรองซึ่งอยู่ภายในสวนที่จัดเอาไว้ในบริเวณอาคารแห่งนั้น ซึ่งได้มีการนัดหมายกันไว้ว่าจะมีเจ้าหน้าที่ฝ่ายต้อนรับมารับตัวจากพิธีเปิดงาน ซึ่งจะต้องลงบันไดเลื่อนไปสู่งานอีกแห่งหนึ่ง ครั้นรอแล้วรออีกก็ยังไม่เห็นมา
ด้วยความใจร้อนที่จะไป ในที่สุดเราทั้ง 5 คน จึงตัดสินใจชวนกันเดินลงบันไดด้านหลังของอาคารเพื่อไปสู่งานเลี้ยงรับรองดังกล่าว ท่ามกลางความมืดสลัวๆ ปรากฏว่า “ตัวฉันเองเหยียบขั้นบันไดพลาดทำให้กลิ้งตกลงมาอยู่ที่พื้นชั้นลอย ส่วนกล้องวิดีโอที่อยู่ในมือก็ร่วงหล่นตามไปด้วย ทำให้ขอบเลนส์แตกออก”
ค่ำวันนั้น ตัวฉันเองนอกจากหัวเข่าแตกแล้ว ยังข้อศอกถลอก ก็ได้เพื่อนผู้หญิงชาวญี่ปุ่นที่เดินไปด้วย นำเอายาใส่แผลมาใส่และนำเอาปลาสเตอร์ปิดแผลมาปิดให้ คืนวันนั้น ฉันนอนระบมอยู่คนเดียวไปทั้งคืน
อย่างไรก็ตาม เราก็ได้ไปถึงงานตามเป้าหมาย นี่เป็นเรื่องที่น่าประทับใจอย่างไม่มีวันลืมอีกเรื่องหนึ่ง
หลังกลับจากประเทศญี่ปุ่นแล้ว ฉันกลับมานั่งวางแผนการเดินทางต่อไปยัง “เกาะรียูเนียน” (Reunion Island) ให้ไปร่วมงานพืชสวนโลกที่นั่น
ทั้งนี้ เนื่องจากฉันได้ตอบรับเชิญเอาไว้ก่อนที่จะเดินทางไปญี่ปุ่น เมื่อกลับจากญี่ปุ่นแล้วจึงมาศึกษาค้นหาเงื่อนปมต่างๆ ที่มันอยู่ในจดหมายฉบับนั้น ทำให้รู้ว่าเขาให้ตั๋วโดยสารชั้นประหยัดทั้งหมด แทนที่จะให้ชั้นธุรกิจเช่นเดียวกันกับการเดินทางไปฝรั่งเศสและญี่ปุ่น แต่ด้วยความสงสารว่าพวกคนผิวดำเป็นประเทศยากจน
ปกติตัวฉันเอง ไม่ถือสาว่าใครจะให้อะไรมากน้อยแค่ไหน มันเป็นธรรมชาติภายในความรู้สึกของตัวฉันมาตลอดชีวิต!
"ระพี สาคริก"