ประโยชน์ของการใช้น้ำหมักมูลไส้เดือน
นิพนธ์ Thaiworm33
น้ำหมักมูลไส้เดือนจะแตกต่างจากปุ๋ยเคมีที่เราเคยรู้จัก น้ำหมักมูลไส้เดือนจะเพิ่มทั้งขนาดและผลผลิต.ในน้ำหมักมูลไส้เดือนจะประกอบด้วยจุลินทรีย์และโปรโตซัว ที่อยู่ระดับรากพืชในดินซึ่งจะเป็นตัวสังเคราะห์ ฮอร์โมน วิตามิน เอนไซน์ ธาตุอาหาร อะมิโนแอซิต และ เกลือแร่ ที่พืชต้องการในทุกช่วงของการเจริญเติบโต
น้ำหมักมูลไส้เดือน เหมาะที่จะใช้ในการปลูกพืชใหม่ การเพาะชำ หรือ การเพาะปลูกในแปลงที่ดินเสียหายจากการใช้ปุ๋ยเคมีเป็นเวลานาน
น้ำหมักมูลไส้เดือนจะช่วยเปลี่ยนวัตถุอินทรีย์ที่เกิดขึ้นให้กลายเป็นเม็ดดินและฮิวมัส ซึ่งจะทำให้ช่วยในการเจริญเติบโตของพืช ในระยะต่อไป รวมถึงการเพิ่มความสมบรูณ์ในดิน
จากการทดลองที่พบว่า ในการปลูกกุหลาบพุ่มสูง 4 ฟุต โดยมีการดูแลรักษาที่เหมือนกันผลที่ออกมาระหว่างการใช้ปุ๋ยเคมีและน้ำหมักมูลไส้เดือนสามารถสรุปและเห็นความแตกต่างกันอย่างชัดเจน
น้ำหมักมูลไส้เดือนไม่เพียงแต่จะเป็นแหล่งอาหารที่ดีสำหรับพืชแต่ น้ำหมักมูลไส้เดือนเหมือนสิ่งมีชีวิต เนื่องจากมีจุลินทรีย์ที่เป็นประโยชน์ต่อพืขเป็นจำนวนมาก ซึ่งหมายความว่าหากต้องการจะใช้น้ำหมักมูลไส้เดือนให้มีประสิทธิภาพแล้วควรจะใช้โดยเร็วที่สุดหลังจากการเตรียมน้ำหมักมูลไส้เดือนเสร็จ
จากงานวิจัยพบว่า การใช้น้ำหมักมูลไส้เดือนให้ได้ผลดี ควรจะใช้ทุก 2-4 สัปดาห์ โดยการรดให้เปียกและซึมลงไปในดิน ให้รอบทรงพุ่ม การใช้งานอาจจะใช้ น้ำหมัก 100 % หรือจะผสมน้ำในจำนวนที่เท่ากันก็ได้
ในกรณีที่ใช้กระบอกสเปรย์ให้ฉีดพ่นให้ทั่วต้น จนน้ำหยดลงพื้น การฉีดพ่นให้มีประสิทธิภาพ ควรจะทำให้ตอนเช้าหรือเย็น (ก่อนหรือหลัง พระอาทิตย์ส่องถึง)
การใช้น้ำหมักสามารถใช้ กับสวนภายในบ้านโดยการฉีดพ่นหรือรดน้ำโดยใช้ กระบอกสเปรย์หรือฟักบัวรดน้ำ โดยรดให้เปียกชุ่มในระดับรากพืชผิวดิน (ประมาณ 10 ซม จากผิว)
เนื่องจากเป็นสารอินทรีย์การใช้น้ำหมักจึงไม่เป็นอันตรายต่อเด็กและสัตว์เลี้ยง ที่เข้าไปในบริเวณที่ใช้น้ำหมักมูลไส้เดือน
เรียบเรียงจาก เอกสาร "The Benefits of Using Worm Tea"