จากเวปไซต์ สหวิชาดอทคอม
มก.เผยงานวิจัยพบการสะสมไนเตรตในผักไฮโดรโปนิก โดยเฉพาะผักคะน้ามีค่าสูง เกินมาตรฐาน เตือนผู้บริโภคระวังภัยเงียบที่แฝงในผัก อาจก่อโรคมะเร็งโดยไม่รู้ตัว แนะผู้ปลูกผักอย่าใส่ปุ๋ยมากเกินความจำเป็น
น.ส.พัชราภรณ์ ภู่ไพบูลย์ นักวิจัยจากฝ่ายเครื่องมือและวิจัยทางวิทยาศาสตร์ สถาบันวิจัยและพัฒนาแห่งมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เปิดเผยว่า ตนและคณะวิจัยประกอบด้วย น.ส.วาสนา บัวงาม และนางศิริวัลย์ สร้อยกล่อม ร่วมกันศึกษาการสะสมไนเตรตในพืชผักที่เป็นอันตรายต่อร่างกาย เนื่องจากมีน้อยคนที่จะทราบว่า ในพืชผักยังมีธาตุอาหารชนิดหนึ่งที่จำเป็นต่อการเจริญเติบโต คือ ไนโตรเจน ซึ่งพืชจะนำไนโตรเจนไปใช้ในรูปของไนเตรต และหากมีไนโตรเจนมากเกินความต้องการของพืช อาจทำให้เกิดการสะสมไนเตรตในดินและพืชมากขึ้น เมื่อรับประทานเข้าไปอาจจะทำให้ไนเตรต ไปรวมตัวกับสารเหนี่ยวนำที่ทำให้เกิดมะเร็ง ดังนั้นผู้บริโภคผักที่มีปริมาณไนเตรตสะสมอยู่สูง จึงมีแนวโน้มที่จะเป็นโรคมะเร็ง เช่น มะเร็งลำไส้ นับเป็นภัยเงียบต่อสุขภาพผู้บริโภคโดยตรง
ผลการศึกษาการสะสมไนเตรตในผักคะน้า ผักกาดหอม และผักบุ้ง ที่จำหน่ายทั้งในตลาดสดและศูนย์การค้า โดยแบ่งผักออกเป็นประเภทผักไฮโดรโปนิก ผักอินทรีย์ ผักปลอดสารพิษ และผักที่ปลูกโดยใช้ปุ๋ยเคมี นำมาวิเคราะห์ทางวิทยาศาสตร์พบว่า ผักที่ปลูกในน้ำยาไฮโดรโปนิกมีแนวโน้มการสะสมไนเตรตสูงสุด เพราะวิธีปลูกผักแบบไฮโดรโปนิกมีการเติมน้ำยาให้พืชเจริญเติบโตมากเกินความ จำเป็น หรือมากเกินความต้องการตามธรรมชาติของผัก โดยผักคะน้าไฮโดรโปนิกมีค่าเฉลี่ยของไนเตรตสูงที่สุด 4,529 มิลลิกรัมต่อ 1 กิโลกรัมน้ำหนักสด
รองลงมาคือ ผักบุ้ง มีปริมาณไนเตรต 3,978 มิลลิกรัม และผักกาดหอมมีปริมาณไนเตรต 1,729 มิลลิกรัม โดยค่ามาตรฐานที่สหภาพยุโรปกำหนดไว้ในผักรับประทานใบให้มีค่าไนเตรตไม่เกิน 2,500 มิลลิกรัมต่อ 1 กิโลกรัม จะเห็นว่าผักคะน้าและผักบุ้งไฮโดรโปนิกมีปริมาณไนเตรตเกินมาตรฐาน ส่วนในประเทศไทยยังไม่มีข้อกำหนดมาตรฐานค่าไนเตรตในพืชผัก ดังนั้นจึงขอให้เกษตรกรและผู้ปลูกผักไฮโดรโปนิกควรลดปริมาณการใส่น้ำยา หรือเติมน้ำเปล่าให้มากขึ้น ส่วนการปลูกผักแบบอื่น ๆ ก็ไม่ควรใส่ปุ๋ยมากเกินไป
น.ส.พัชราภรณ์ กล่าวว่า "ผลการศึกษาดังกล่าว ได้นำเสนอบนเวทีการวิชาการประจำปีของมหาวิทยาลัย เกษตรศาสตร์ และยังได้ศึกษาเพิ่มเติม เพื่อหาแนวทางในการลดไนเตรตในพืชผักก่อนการบริโภค โดยนำผักคะน้าและผักบุ้งไปต้มน้ำเดือดหรือทำการนึ่งเป็นเวลา 10 นาที ซึ่งสามารถช่วยลดค่าไนเตรตในผักบุ้งและผักคะน้าลดลง 47%"
นอกจากนี้การแช่ผักคะน้าและผักบุ้งในน้ำ 1 วัน การแช่ในด่างทับทิมและการแช่ในน้ำเกลือ ก็มีแนวโน้มที่จะช่วยทำให้ค่าไนเตรต-ไนโตรเจนลดลงด้วยเช่นกัน จึงขอแนะนำให้ผู้บริโภคควรทำความสะอาดพืชผัก ผลไม้ทุกชนิด ทั้งประเภทพืชที่ปลูกแบบปลอดสารเคมี ปลูกแบบชีวอินทรีย์ ปลูกแบบไม่ใช้ดิน ก่อนนำมารับประทาน ก็จะเป็นการลดความเสี่ยงของภัยเงียบจากพิษสะสมที่เกิดจากไนเตรตในพืชได้
ข้อมูลดีดีจาก : ไทยโพสต์