จาก เดลินิวส์ออนไลน์
ที่ มาของงานวิจัยรองศาสตราจารย์ ดร.ชัชรี นฤทุม ผู้ประสานงาน สกว. จังหวัดนครปฐมและชัยนาท กล่าวว่า ที่มาของงานวิจัยเรื่อง การศึกษาประสิทธิภาพของน้ำหมักชีวภาพเพื่อการเกษตร ซึ่งได้รับทุนการสนับสนุนจากฝ่ายเกษตร สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) นี้ มาจากการที่ได้ทราบปัญหาจากเกษตรกรเกี่ยวกับประสิทธิภาพ ที่แท้จริงและความเชื่อถือได้ของน้ำสกัดชีวภาพสูตรต่าง ๆ ซึ่งเป็นภูมิปัญญาท้องถิ่นของไทย เพราะบางครั้งเมื่อเกษตรกรนำสูตรนั้นมาทำเอง กลับไม่มีประสิทธิภาพ ดังนั้นจึงควรที่จะมีการศึกษาวิจัยถึงประสิทธิภาพที่แท้จริงของน้ำหมัก ชีวภาพเพื่อการเกษตรสูตรต่าง ๆ เพื่อเป็นเกษตรทางเลือกอีกทางหนึ่งของเกษตรอินทรีย์ ซึ่งฝ่ายเกษตร สกว. เห็นว่าเป็นงานวิจัยที่มีความน่าสนใจและเป็นประโยชน์ จึงได้ร่วมมือกับคณะศิลปศาสตร์และวิทยาศาสตร์ ม.เกษตรศาสตร์ กำแพงแสน ทำวิจัย
ผู้อำนวยการวิจัยของโครงการวิจัยนี้ คือ คณบดีคณะศิลปศาสตร์และวิทยาศาสตร์ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ชานันก์ สุดสุข เปิดเผยว่า ได้มอบนโยบายการทำวิจัยของคณะฯ โดยให้เน้นการทำวิจัยที่มีการใช้ประโยชน์ได้จริง มีประโยชน์ต่อประเทศ และยึดตามพระราชดำริในหลักเศรษฐกิจพอเพียง โครงการวิจัยเรื่องการศึกษาประสิทธิภาพของน้ำหมักชีวภาพเพื่อการเกษตรสูตร ต่าง ๆ นี้ ได้มอบหมายให้ รองศาสตราจารย์ ดร.จุรีย์รัตน์ ลี สมิทธิ์ เป็นหัวหน้าโครงการ รองศาสตราจารย์ จิตราภรณ์ ธวัชพันธุ์ เป็นอาจารย์ผู้ร่วมโครงการ และ นายขวัญชัย นิ่มอนันต์ เป็นนิสิตผู้ร่วมโครงการงานวิจัยนี้ เป็นส่วนหนึ่งของวิทยานิพนธ์ระดับปริญญาโทหลักสูตรวิทยาศาสตร์ชีวผลิตภัณฑ์ ของนายขวัญชัย นิ่มอนันต์ ผลของงานวิจัยครั้งนี้ทำให้เกษตรกรมีแนวทางในการเลือกใช้น้ำหมักชีวภาพ
ปัจจุบันเกษตรกรส่วนใหญ่มีแนวโน้มทำการเกษตรผสมผสานและปลอดสารเคมี ดังนั้นน้ำหมักชีวภาพสูตรต่าง ๆ ตามภูมิปัญญาท้องถิ่นจึงเป็นทางเลือกหนึ่ง ซึ่งนอกจากจะลดต้นทุนของการใช้ปุ๋ยเคมีแล้ว ยัง นำไปสู่การเกษตรที่ไร้สาร ที่ปลอดภัยต่อเกษตรกรและผู้บริโภค แม้ว่ามีการตรวจสอบคุณภาพในด้านต่าง ๆ ของน้ำหมักชีวภาพ จากหน่วยงานราชการและเอกชนหลายแห่ง แต่ยังไม่มีการศึกษาเปรียบเทียบน้ำหมักชีวภาพจากต่างสูตรอย่างเป็นระบบ งานวิจัยครั้งนี้จะทำการศึกษาเปรียบเทียบน้ำหมักชีวภาพสูตรต่าง ๆ ตามภูมิปัญญาท้องถิ่นของจังหวัดนครปฐม ในด้านต่าง ๆ คือ คุณสมบัติ ทางกายภาพ ได้แก่ ความเป็นกรดเป็นด่าง ค่า การนำไฟฟ้าเปอร์เซ็นต์ธาตุหลัก เปอร์เซ็นต์ อินทรีย์คาร์บอน อัตราส่วนคาร์บอนต่อไนโตร เจน คุณสมบัติทางชีวภาพ ได้แก่ จำนวนจุลินทรีย์ในน้ำหมักชีวภาพ ทดสอบผลต่อการงอกของเมล็ดพืช ทดสอบผลต่อการเจริญเติบโตของพืช ทดสอบความสามารถในการเพิ่มการต่อต้านโรคพืชในแปลงปลูกเลียนแบบเกษตรกร และศึกษาผลของน้ำหมักชีวภาพต่อจุลินทรีย์มีประโยชน์ซึ่งเกษตรกรมักเลือกใช้ ในแปลงปลูก
โดยพืชที่เลือกใช้เป็นพืชทดสอบนั้น เน้นศึกษาพืชสำคัญของจังหวัดและผักกินสด ได้แก่ ข้าว ผักสลัด ต้นหอม ผักชีและพริก ผลจากงานวิจัยนี้จะทำให้เกษตรกรมีข้อมูลเบื้องต้น และใช้เป็นแนวทางในการเลือก ใช้น้ำหมักชีวภาพสูตรต่าง ๆ ให้เหมาะกับ การเพาะปลูกของตนเอง ต่อไป
จากการทดสอบน้ำหมักชีวภาพสูตรต่าง ๆ จำนวน 13 สูตร ซึ่งทดสอบเปรียบเทียบผลต่อการงอกของเมล็ดพืช ผลต่อการเจริญเติบโตของพืช และความสามารถในการเพิ่มการต่อต้าน โรคพืช สรุปได้ 3 ข้อหลัก คือ ข้อสรุปที่ 1. การเปรียบเทียบผลผลิตของพืชชนิดต่าง ๆ
ข้อสรุปที่ 2. การต่อต้านโรคกุ้งแห้ง (โรคแอนแทรกโนส) ในพริก (ตามรูป)
ข้อสรุปที่ 3. นอกจากนี้ทีมวิจัยยังได้นำจุลินทรีย์จากธรรมชาติ จำนวน 2 สายพันธุ์ ซึ่งผ่านการทดสอบมาแล้วว่า จุลินทรีย์จากธรรมชาติ จำนวน 2 สายพันธุ์นี้ มีความสามารถในการส่งเสริมการเจริญของพืชและต่อต้านโรคพืชได้หลายชนิด ผลการวิจัยพบว่า จุลินทรีย์จากธรรมชาติ จำนวน 2 สายพันธุ์ นี้สามารถใช้งานร่วมกับน้ำหมักชีวภาพได้ ในการส่งเสริมการเจริญของพืชและต่อต้านโรคพืช
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ชานันก์ สรุปว่า คณะศิลปศาสตร์และวิทยาศาสตร์ของเรา ยังมีโครงการวิจัยที่น่าสนใจและเป็นประโยชน์ต่อชุมชนอีกมากมาย ซึ่งพร้อมให้ข้อมูลแก่ ผู้สนใจทุกท่าน ท่านผู้สนใจสอบถามได้ที่ ดร.อนามัย ดำเนตร รองคณบดีฝ่ายวิเทศสัมพันธ์และกิจการพิเศษ โทร. 0-3428-1105-6 ทุกวันในเวลาราชการ หรือเยี่ยมชมข้อมูล ที่ http://www.flas.ku.ac.th
กิตติกรรมประกาศ ขอบพระคุณที่ปรึกษาโครงการวิจัย ศ.ดร.ธีระ สูตะบุตร (อดีต รมว.เกษตรฯ) ฝ่ายเกษตร สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย สถาบันวิจัยและพัฒนา แห่งมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ มูลนิธิโทเร เพื่อการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ ประเทศไทย
ติดต่อสอบถามขอข้อมูล หัวหน้า โครงการวิจัย รองศาสตราจารย์ ดร.จุรีย์รัตน์ ลีสมิทธิ์ คณะศิลปศาสตร์และวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ กำแพงแสน นครปฐม 73140 โทรศัพท์ 0-3428-1105-6 ต่อ 7654 โทรสาร 0-3435-5453 อีเมล jureerat.c@ku.ac.th.