จาก ASTVผู้จัดการออนไลน์
เอ็ดการ์ สโนว์ (ซ้าย) กับเหมาเจ๋อตง ผู้นำกองทัพปฏิวัติ ในเหยียนอาน ฐานที่มั่นของกองทัพแดงที่ใช้ยันสู้
กองทัพของเจียง ไคเชก ตลอดช่วงระหว่างปีค.ศ.1935 – 1947 (ภาพเอเจนซี)
ไชน่าเดลี / ผู้จัดการ - เอ็ดการ์ สโนว์ นักข่าวชาวอเมริกัน ผู้เป็นชาวตะวันตกคนแรกที่ได้สัมภาษณ์ผู้นำกองทัพแดงหลังบรรลุยุทธศาสตร์ เดินทัพทางไกล ยุทธศาสตร์การทหารที่พลิกแผ่นดินจีน ผู้เขียนหนังสือ Red Star Over China (ดาวแดงเหนือแผ่นดินจีน) อันเป็นงานบันทึกประวัติศาสตร์พรรคคอมมิวนิสต์จีนในช่วงเปลี่ยนผ่านสำคัญ
ที่ชั้นสามของห้องสมุดนิโคลส์ มหาวิทยาลัยมิสซูรี่ แคนซัส University of Missouri Kansas City (ยูเอ็มเคซี : UMKC) มีห้องหนังสือของเอ็ดการ์ สโนว์ พื้นที่ประมาณ 30 ตารางเมตร สำหรับเก็บหนังสือและข้อมูลเอกสารต่างๆ ของ เอ็ดการ์ สโนว์ (17 ก.ค. 1905 - 15 ก.พ. 1972) นักข่าวอเมริกัน ผู้เขียนหนังสือ Red Star Over China (ดาวแดงเหนือแผ่นดินจีน) อันเป็นงานบันทึกประวัติศาสตร์พรรคคอมมิวนิสต์จีน เกี่ยวกับการเดินทัพทางไกล โดยเขียนระหว่างที่กองทัพแดงก็กำลังทำการรบแบบกองโจรต่อต้านผู้รุกราน ชาวตะวันตก นับเป็นหนึ่งในงานเขียนทรงอิทธิพลกับชาวตะวันตกที่ให้ความเข้าใจจีนในช่วง เปลี่ยนผ่านสำคัญของทศวรรษ 1930
ยูเอ็มเคซี เป็นแหล่งรวมงานของเอ็ดการ์ สโนว์ ซึ่งมีข้อมูลเอกสาร 718 ไฟล์ ข้อมูลภาพ 173 ชุด บันทึกเสียง 49 ม้วน และต้นฉบับฟิล์มภาพยนตร์ยาวรวม 1,200 ฟุต
เอ็ดการ์ สโนว์ เกิดปี 1905 ที่แคนซัส มลรัฐมิสซูรี่ เป็นที่รู้จักจากงานเขียนและบทความต่างๆ เกี่ยวกับพรรคคอมมิวนิสต์จีน และการปฏิวัติในช่วงค.ศ.1930
โรเบิร์ต ฟาร์สเวิร์ธ ศาสตราจารย์มหาวิทยาลัยแคนซัสฯ และผู้เขียนหนังสือ "From Vagabond to Journalist" อันเป็นหนังสือประวัติชีวิตของเอ็ดการ์ สโนว์ กล่าวกับซินหวา สื่อจีน ว่า "เอ็ดการ์ สโนว์เป็นนักผจญภัยและสนใจใฝ่เรียนรู้ และคุณสมบัตินี้พาเขามาประเทศจีน ในปีค.ศ.1928 เริ่มอาชีพอาจารย์มหาวิทยาลัย ก่อนจะเป็นนักข่าวเขียนถึงแผ่นดินซึ่งเขาหลงรักและใช้ชีวิตนาน 13 ปี"
สโนว์ เดินทางไปหลายสถานที่ในประเทศจีน และเขียนบทความมากมายเกี่ยวกับจีนลงหนังสือพิมพ์ นิตยสารต่างๆ จีนในสายตาของสโนว์ ในเวลานั้นเป็นยุคสมัยแห่งความแตกแยกทั้งภายในและภายนอก แผ่นดินวิกฤติ ล่มสลาย วุ่นวายโกลาหล บ้านเมืองลุกเป็นไฟ จากการปกครองที่ฉ้อฉลฯ
การเดินทัพทางไกลของกองทัพแดง หรือ เรียกในภาษาจีนกลางว่า ฉางเจิง (长征)ในช่วงระหว่างปีค.ศ.1934-1936 เป็นวีรกรรมของกองทหารชาวนาและกรรมกรแห่งพรรคคอมมิวนิสต์ (中国工农红军) โดยการนำของ เหมาเจ๋อตง โจวเอินไหล จูเต๋อ นายพลหลินเปียว ผู้บัญชาการทหารเผิงเต๋อหวย เย่ถิง หลิวป๋อเฉิง ฯลฯ ที่ชาวจีนและชาวโลกต่างยอมรับว่า เป็นการเดินทัพที่ยากลำบากและยิ่งใหญ่เกรียงไกรในประวัติศาสตร์หน้าหนึ่งของ จีน
สโนว์ เข้าถึงเรื่องราวของแผ่นดินจีนอย่างลึกซึ้งผ่านสหายคนหนึ่ง ในเขตชายแดนมณฑลส่านซี-กานซู-หนิงเซี่ย อันเป็นฐานที่มั่นของกองทัพแดง ซึ่งเหมาเจ๋อตงผู้นำกองทัพฯ เพิ่งเสร็จสิ้นการเดินทัพทางไกล
ด้วยความช่วยเหลือของซ่งชิง-หลิง ภริยาหม้ายของผู้นำซุนยัต-เซ็น ทำให้สโนว์มีโอกาสเข้าพบสัมภาษณ์เหมาเจ๋อตง และ เผิงเต๋อหวย ผู้บัญชาการทหารกองทัพแดง ตลอดจนนายทหารประจำกองทัพอื่นๆ เพื่อรวบรวมข้อมูลสำหรับการเขียนเรื่องราวของการเดินทัพทางไกล ยุทธศาสตร์การทหารที่โด่งดังที่สุดแห่งศตวรรษฯ
สโนว์ พบว่าแม้จะต้องเผชิญกับสภาพกันดารลำเค็ญ แต่ประชาชนจีน พลเรือน และทหารต่างรวมเป็นน้ำหนึ่งในเดียว ทำทุกสิ่งที่ทำได้แม้ว่าต้องเคลื่อนทัพไปตามพื้นที่ไม่ว่าจะดงดิบ หรือรกร้าง เพาะปลูกยังชีพ ทอผ้าเครื่องนุ่งห่ม และรักษาชีวิตไปด้วย พร้อมกับแรงบันดาลใจในการสร้างความหวังใหม่ให้แผ่นดินจีน ซึ่งสิ่งนี้เองทำให้ทหารกองทัพแดงได้รับความช่วยเหลือจากชาวท้องถิ่น
นับตั้งแต่ปีค.ศ. 1928 จนถึง 1941 ที่สโนว์อยู่ในแผ่นดินจีน เขาเดินทางไปชายแดนส่านซี-กานซู่-หนิงเซี่ยสองครั้ง ได้อยู่ร่วมสมรภูมิรบสงครามปฏิวัติและสงครามต่อต้านญี่ปุ่น เปิดเผยข้อมูลเหตุการณ์ให้ชาวโลกเข้าใจสถานการณ์ในจีน
ค.ศ.1937 สโนว์เขียนหนังสือ "Red Star over China" (ดาวแดงเหนือแผ่นดินจีน แปลไทย บุญศักดิ์ แสงระวี) อันเป็นบันทึกการเดินทัพทางไกลของพรรคคอมมิวนิสต์จีน พิมพ์โดยสำนักพิมพ์ British Gollancz Co. ซึ่งสามารถจำหน่ายได้ถึง 100,000 เล่มในปีแรกที่วางจำหน่ายฯ ในสหราชอาณาจักร และหนังสือเล่มนี้ยังคงพิมพ์ซ้ำตลอดมาจนทุกวันนี้
สโนว์สนใจในชีวิตของคนทั่วไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งความทุกข์ยากผู้คน โรคภัยไข้เจ็บ ภัยสงคราม และปัญหาสังคม โดยศาสตราจารย์โรเบิร์ต เกเมอร์ กล่าวกับซินหวาว่า "สโนว์ เป็นนักข่าวตะวันตกคนแรกที่เดินทางมายังเขตชายแดนพื้นที่สมรภูมิฯ เพื่อสัมภาษณ์ผู้นำพรรคคอมมิวนิสต์"
จอห์น คิง แฟร์แบงค์ นักวิชาการจีนวิทยาผู้โด่งดัง กล่าวว่าเอ็ดการ์ สโนว์ มีบทบาทสำคัญกับประวัติศาสตร์จีนยุคใหม่
แนนซี่ ฮิลล์ ผู้อำนวยการมูลนิธิอนุสรณ์เอ็ดการ์ สโนว์ กล่าวว่าต้องการเก็บรักษาบันทึกความทรงจำและงานต่างๆ ของเอ็ดการ์ สโนวส์ สำหรับการค้นคว้าศึกษาของคนรุ่นใหม่ในอนาคต และขณะเดียวกันเพื่อเป็นอนุสรณ์รำลึกถึงมิตรภาพระหว่างคนอเมริกันกับคนจีน"
"เอ็ดการ์ สโนว์ต้องการให้คนอเมริกันกับคนจีนเป็นมิตรสหายกัน นี่คือวัตถุประสงค์ของมูลนิธิเอ็ดการ์ สโนว์" ฮิลล์ กล่าวและเสริมถึงประสบการณ์การอ่านบันทึกครั้งที่เอ็ดการ์ สโนว์เขียนถึงรายละเอียดของทุ่งแห้งแล้งสุดสายตา ไร้ต้นไม้สักต้นในมณฑลส่านซี ซึ่งแตกต่างจากปัจจุบัน แผ่นดินผืนเดียวกันได้พลิกฟื้นขึ้นเต็มไปด้วยต้นไม้เขียวขจี ดอกไม้บานทุกหนแห่ง
เอ็ดการ์ สโนว์ ผูกพันกับแผ่นดินจีนชั่วชีวิต ได้เดินทางมาใช้ชีวิตในปี 1928 เป็นอาจารย์วิชาสื่อสารมวลชนในมหาวิทยาลัยปักกิ่ง แม้หลังจากสถาปนาประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน เขาจะเดินทางไปใช้ชีวิตบั้นปลายที่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ในปี 1959 แต่ก็ยังเขียนเผยแพร่บอกเพื่อนร่วมชาติชาวอเมริกันให้มั่นใจและชวนเดินทางไป เที่ยวประเทศจีน ซึ่งสโนว์เองก็ได้กลับมาเยือนจีนอีกหลายครั้งในช่วงปีค.ศ. 1960 เช่นกัน
สโนว์ ใช้ชีวิตวัยชรากับภรรยาที่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ก่อนจากโลกไปในวันที่ 15 ก.พ. 1972 โดยฝังเถ้ากระดูกของตนครึ่งหนึ่งไว้ที่บ้านเกิดในประเทศสหรัฐอเมริกา กับอีกครึ่งหนึ่งไว้ที่กรุงปักกิ่ง ประเทศจีน
เอ็ดการ์ สโนว์ (ซ้าย) กับ โจวเอินไหล และภริยาเติ้ง อิ่งเชา ในราวปีค.ศ.1938 (ภาพเอเจนซี)
ไร่รักษ์ไม้,มูลไส้เดือน,ปุ๋ยมูลไส้เดือน,เกษตรแปรรูป,อุปกรณ์แค้มปิง,อุปกรณ์ป้องกันอุบัติภัย,เอาตัวรอดในภาวะวิกฤต