จาก โพสต์ทูเดย์
โดย...อินทรชัย พาณิชกุล
หลายปีที่ผ่านมา ความเชื่อเรื่อง"ทำบุญด้วยการปล่อยสัตว์"กำลังถูกต่อต้านอย่างหนักจากองค์กรพิทักษ์สัตว์ทั่วโลก โดยเฉพาะเมืองไทยที่ผู้คนนิยมซื้อนกซื้อปลามาปล่อยในวันสำคัญทางศาสนา เพื่อสะเดาะเคราะห์ ตามประเพณีที่ยึดถือกันมาแต่โบราณ
การปล่อยสัตว์สู่ธรรมชาติอาจไม่ได้ช่วยชีวิตพวกมันอย่างที่คิดไว้ กลับเป็นการทำลายสมดุลของธรรมชาติ ทรมานสัตว์ เนื่องจากการปล่อยไม่ถูกที่ถูกทาง อาจทำให้สัตว์ที่ปล่อยไปไม่มีโอกาสรอดชีวิต ทั้งยังสนับสนุนธุรกิจจับสัตว์มาขายแบบผิดกฎหมาย โดยส่งเสริมให้มีการจับสัตว์ที่อยู่ในธรรมชาติอย่างปกติสุขมากักขังหน่วงเหนี่ยว ทุกขั้นตอนตั้งแต่การจับ กักขัง ขนส่ง และรอจำหน่าย ส่งผลให้มีสัตว์จำนวนมากต้องตายอย่างทุกข์ทรมาน ก่อนที่จะได้รับอิสรภาพ
ทั้งหมดนี้ทำให้บางประเทศเริ่มมีมาตรการอย่างเฉียบขาดเพื่อแก้ไขปัญหา
นั่นคือประเทศสิงคโปร์ ถึงขั้นออกกฎหมายห้ามปล่อยสัตว์ในที่สาธารณะ ครอบคลุมทั้งการปล่อยสัตว์เลี้ยง จนถึงการปล่อยนกปล่อยปลาเพื่อทำบุญ ผู้ที่ฝ่าฝืนจะมีโทษปรับเป็นเงิน 10,000 สิงคโปร์ดอลลาร์ หรือ 260,000 บาท หรือจำคุกไม่เกิน 1 ปี นอกจากการบังคับใช้กฎหมาย หน่วยงานด้านสิ่งแวดล้อมของสิงคโปร์ยังรณรงค์ให้ประชาชนเลิกปล่อยสัตว์ในวันสำคัญทางศาสนาด้วย
การให้ความรู้ว่าการช่วยเหลือสัตว์ที่ดีที่สุด ไม่ใช่ซื้อมันไปปล่อยในธรรมชาติ แต่ต้องยกเลิกกิจกรรมทำบุญบนการเบียดเบียนชีวิตสัตว์ต่างหาก
วันนี้ที่ท่าน้ำวัดระฆัง
บริเวณท่าน้ำของวัดระฆังโฆษิตาราม ถือเป็นแหล่งทำบุญปล่อยสัตว์ที่คึกคักที่สุดแห่งหนึ่งของกรุงเทพมหานคร
แผงจำหน่ายปลา หอยขม กบ เต่า ตะพาบ รวมถึงนกตั้งเรียงรายตลอดทางไม่ต่ำกว่า 10 ร้าน เสียงแม่ค้าตะโกนเชื้อเชิญเจื้อยแจ้ว พร้อมยื่นเมนูรายชื่อสัตว์ที่ต้องการจะทำบุญกว่า 17 ชนิด ความหมายของการปล่อยสัตว์แต่ละชนิด และสนนราคา ดังนี้
ปลาไหล การเงิน การเรียน การงานจะราบรื่น ราคา 10 บาท ปลาดุก ศัตรูคู่แข่งจะแพ้พ่าย 10 บาท ปลาชะโด มีแต่สิ่งใหญ่ๆโตๆเข้าบ้าน 30 บาท ปลาช่อน ช้อนเงินช้อนทอง 20 บาท ปลาสวาย ปลดปล่อยสิ่งไม่ดีต่อตัวเราเอง 10 บาท ปลาราหู หมดเคราะห์ 10 บาท ปลาตะเพียน เงินทองไหลมาเทมา 30 บาท ปลาดุกเผือก มงคลต่อชีวิต ปลาทับทิม ความรักราบรื่นสมหวัง 10 บาท และ ปลาขาวนำโชค 10 บาทปลากราย จากร้ายกลายเป็นดี 30 บาท ปลาบู่ ทดแทนบุญคุณพ่อแม่ 50 บาท เต่า ต่ออายุให้ยืนยาว 20 บาท ปลาหมอ สุขภาพดี 10 บาท กบ จัดวิบากกรรม 30 บาท หอยขม ทิ้งความขมขื่น ร่มเย็นเป็นสุข 20 บาท ทุกร้านมีการตั้งราคากลางราคาเดียวเหมือนกันหมด
จากการสังเกตพบว่าตลอดทั้งวันยังคงมีผู้มาทำบุญปล่อยนกปล่อยปลากันอย่างไม่ขาดสาย ล้วนเป็นคนไทยทั้งสิ้น พวกเขาจ้องเมนู ชี้เลือกปลาในกะละมังหลายชนิดคละกัน แล้วผู้ขายจะช้อนขึ้นมาใส่รวมไว้ในถังน้ำใบเล็กๆ แล้วเดินไปวางไว้บริเวณบันไดท่าน้ำ ต่อมาผู้ซื้อจะนั่งอธิษฐานบนเก้าอี้ที่ถูกเตรียมไว้ให้ ก่อนจะถูกแนะนำให้เดินไปปล่อยลงแม่น้ำเจ้าพระยาเป็นขั้นตอนสุดท้าย
หลังจากนั้นบางคนถูกชักชวนให้ปล่อยนก เมื่อตกลงกันได้ พ่อค้าแม่ค้ารายเดิมก็จะนำตะกร้าพลาสติกบรรจุนกตัวเล็กๆ 2 ตัว(บังคับให้ปล่อยเป็นคู่)ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่าเป็นนกกระติ๊ดขี้หมู หนึ่งในสัตว์ป่าคุ้มครอง ตามพ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2535 !!!
เจ๊ยี้ แม่ค้าร้านขายปลาท่าน้ำวัดระฆัง เล่าให้ฟังว่าสมัยก่อน คนจะนิยมปล่อยนกปล่อยปลา เพื่อสะเดาะเคราะห์ ในทุกครั้งที่มีเรื่องเดือดเนื้อร้อนใจ แต่ปัจจุบันหันมาปล่อยเฉพาะในวัดพระใหญ่
"ส่วนใหญ่เป็นคนไทยที่หมอดูแนะนำมาทั้งนั้น อาจจะมีชาวต่างชาติบ้างอย่างจีน สิงคโปร์ มาเลเซีย แต่ฝรั่งไม่มี เพราะเขาไม่มีความเชื่อทางนี้"
อย่างไรก็ตาม เธอปฏิเสธไม่ตอบคำถามเรื่องรายได้และแหล่งที่มาของสัตว์เหล่านั้น
สัตว์ผู้น่าสงสาร มาจากไหน?
จากงานวิจัยหัวข้อ "ปล่อยสัตว์ ทำบุญฤาสร้างบาป" โดยคณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร เมื่อปี 2554 ระบุว่าสัตว์ที่คนนิยมซื้อไปปล่อย บางชนิดหาได้ตามท้องตลาด บางชนิดต้องลักลอบซื้อในตลาดมืด เนื่องจากเป็นสัตว์ป่าคุ้มครอง ตามพ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2535
ยกตัวอย่างเช่น สัตว์ยอดนิยมที่ผู้นิยมปล่อยมากที่สุดอย่างปลาไหล ปลาดุก ปลานิล ปลาสวาย ปลาหมอ เต่า ตะพาบ พวกนี้ไม่มีปัญหามากนัก เนื่องจากยังมีเหลืออยู่ให้จับได้บ่อยๆตามแหล่งน้ำธรรมชาติ อีกทั้งยังหาได้ซื้อได้ตามฟาร์มเพาะเลี้ยง และตามท้องตลาดทั่วไป
ที่น่าเป็นห่วงคือนก โดยเฉพาะกลุ่มนกกระจาบ (นกกระจาบธรรมดา นกกระจาบทอง นกกระจาบอกลาย) กลุ่มนกกระติ๊ด (นกกระติ๊ดแดง นกกระติ๊ดขี้หมู นกกระติ๊ดตะโพกขาว) ซึ่งเป็นนกที่หากินเมล็ดข้าวเมล็ดพืชอยู่ตามทุ่งนาในแถบภาคกลาง มักโดนดักตาข่ายจับได้ทีละเป็นฝูง แล้วจะมีพ่อค้าคนกลางรับซื้อตัวละ 3-5 บาท ก่อนจะนำมาขายตามสถานที่ทำบุญต่างๆในราคา 30-40 บาท
ดังที่ปรากฏเป็นข่าวครึกโครม เมื่อมีคนพบนกกระติ๊ดขี้หมู สัตว์คุ้มครอง ประเภทนก ลำดับที่ 62 ตามพ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2535 ถูกจับยัดถุงพลาสติกวางขายอย่างเปิดเผย สร้างความเวทนาสงสารให้ผู้ที่พบเห็นเป็นอย่างมาก
"ผู้ค้ามีความผิดทางกฎหมาย ฐานมีสัตว์ป่าคุ้มครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ไว้เพื่อการค้า มีโทษจำคุกไม่เกิน 4 ปี ปรับไม่เกิน 4 หมื่นบาท ส่วนผู้ซื้อใจบุญที่จ่ายเงินไถ่ชีวิตนกเหล่านี้ก็มีความผิดเช่นกัน" พ.ต.ท.มงคล พรานสูงเนิน รองผู้กำกับการ 1 กองบังคับการปราบปรามผู้กระทำผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (บก.ปทส.) กล่าว
ทำบุญแต่ได้บาป?
ประเด็นที่ว่าการทำบุญด้วยการปล่อยสัตว์นั้นได้บุญหรือบาป ยังคงเป็นคำถามคาใจใครหลายคน
ดร.ชวลิต วิทยานนท์ นักวิชาการผู้เชี่ยวชาญด้านระบบนิเวศน้ำจืด ยืนยันว่าการปล่อยสัตว์โดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ไม่ศึกษาชีวิตความเป็นอยู่ของสัตว์แต่ละชนิด รวมถึงสถานที่ปล่อยที่เหมาะสม โอกาสที่จะสัตว์เหล่านั้นจะตายมีสูงมาก
"ต้องรู้ว่าปลาชนิดไหนอยู่แบบไหน อย่างปลาไหล ธรรมชาติของมันคืออยู่ในน้ำแฉะมีดินโคลน ตามบึง หนองน้ำ ถ้าไปปล่อยในน้ำลึกไหลเชี่ยว โอกาสที่จะมีชีวิตรอดน้อยมาก เช่นเดียวกับหอยขมที่อาศัยอยู่ตามแหล่งน้ำจืดธรรมชาติทั่วไป หากนำไปปล่อยลงแม่น้ำเจ้าพระยา ก็ไม่น่ารอด ส่วนเต่า หากถูกปล่อยในที่ที่แออัดน้ำเน่าเสียไม่มีที่เกาะ ก็จะต้องว่ายน้ำต่อไปจนกว่าจะขาดใจตาย เพราะเหนื่อยและหมดแรง"
พระราชธรรมนิเทศ หรือ พระพยอม กัลฺยาโณ เจ้าอาวาสวัดสวนแก้ว กล่าวว่าพระพุทธเจ้าบอกว่าให้มาก ทำมาก ช่วยมาก ไม่ใช่เรื่องสำคัญ สำคัญอยู่ที่วินิจฉัยใคร่ครวญ ทบทวน ถ้วนถี่ พูดง่ายๆว่าใคร่ครวญเสียก่อนแล้วค่อยทำดีกว่า
“ใคร่ครวญยังไงบ้าง 1.ปล่อยไปแล้ว สัตว์เหล่านั้นรอดหรือไม่ เช่น เอานกบางชนิดที่ภูมิลำเนาถิ่นเกิดในป่า เอามาปล่อยในเมือง ไม่รู้จะหากินยังไง บินชนตึกตาย เต่าบางชนิดเป็นเต่าบก ถ้าไปปล่อยในน้ำ มันว่ายน้ำไม่เป็นก็ตาย เอาปลาน้ำเค็มมาปล่อยน้ำจืด นี่เป็นบาปแน่นอน เป็นความโง่ในการปล่อย เขาเรียกเมตตาอวิชชา เป็นเมตตาที่ไม่ใช้ปัญญา ดังนั้นเราต้องดูสัตว์ชนิดนั้น สถานที่ปล่อย มันหากินได้ไหม อยู่ได้ไหม ขยายพันธุ์ได้ไหม แบบนี้ได้บุญถือว่าใคร่ครวญ คนเรามันมัวทำ "พิธี"แต่ไม่นึกถึง"วิธี"
พระพยอมยืนยันว่าคนทำมาอาชีพนี้ บาปแน่นอน หากินคนชีวิตเขา เขาเสียอิสระ ขณะที่วัดนั้นมี 2 แบบคือวัดที่สนับสนุนให้มีผู้มาซื้อขายสัตว์หน้าวัด กับวัดที่ต่อต้านไม่ให้มีพ่อค้าแม่ค้าใช้วิธีนี้หากินกับผู้ทำบุญ
"วัดควรจัดระเบียบ สอนคนให้สงสารสัตว์ เพราะยิ่งทำสัตว์ก็จะยิ่งถูกจับเยอะ เพราะยังมีวงจรอุบาทว์จับแล้วปล่อยแล้วจับวนเวียนไม่รู้จบ การทำบุญด้วยการปล่อยสัตว์ ถ้าทำแล้วได้คุณได้ประโยชน์ได้บุญก็ควรทำต่อไป ไม่ต้องยกเลิก วิธีทำบุญยังมีวิธีอื่นๆอีกมากมาย ทาน ศีล ภาวนา ถ้ารักษาศีล ทำทาน มีภาวนาอยู่ในใจ อาจได้บุญมากกว่าปล่อยนกปล่อยเต่าปล่อยปลาเสียอีก เอาจริงๆแค่ถือศีล 5 ไม่เบียดเบียนสัตว์ อายุก็ยืนแล้ว"
สมควรแล้วหรือยังที่ต้องคิดใหม่ ทำใหม่ ยกเลิกประเพณีที่เบียดเบียนสัตว์เช่นนี้เสียที
ไร่รักษ์ไม้,สวนศิริผล,มูลไส้เดือน,ปุ๋ยมูลไส้เดือน,เกษตรแปรรูป,อุปกรณ์แค้มปิง,อุปกรณ์ป้องกันอุบัติภัย,เอาตัวรอดในภาวะวิกฤต