ยิ่งลักษณ์ต้องไถ่บาปชาวนา
โดย : bighnun@hotmail.comฑิฆัมพร ศรีจันทร์
จาก กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
ชาวนากระดูกสันหลังของชาติ ทุกข์ของชาวนาคือทุกข์ของแผ่นดิน เป็นคำกล่าวที่ยืนยันสถานการณ์ของชาวนาในห้วงนี้
ได้เป็นอย่างดีที่สุด หลังจากพวกเขาต้องเจ็บช้ำและเหนื่อยยากในการทำนาผลิตข้าวเลี้ยงชาวโลก ภายใต้คำมั่นสัญญาอันสวยหรูของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ที่ปั่นราคาข้าวสูง ซื้อเก็บทุกเม็ด ภายใต้นโยบายที่เรียกว่า"จำนำ"
ในที่สุดก็ไม่มีเงิน หาเงินไม่ได้ในการจ่ายให้พวกเขาตามที่สัญญาเอาไว้ เพราะเงินที่จะจ่ายในโครงการมาจากการระบายข้าวนำเงินมาหมุนเวียน เงินงบประมาณของหลวงที่ตั้งชดเชยให้กับโครงการในแต่ละปีและงบจากเงินกู้ซึ่งต้องบรรจุในแผนกรอบงบประมาณประจำปีเช่นเดียวกัน
ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณยืนยันล่าสุดว่า หากไม่มีมติครม.รองรับ ก็ไม่สามารถจัดสรรงบประมาณปี 58 ให้ได้ รวมถึงการจัดสรรงบประมาณชำระคืนต้นเงินกู้และดอกเบี้ยให้กับธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ประมาณ 7 หมื่นล้านบาท ที่ถูกใช้ในโครงการรับจำนำข้าวด้วย หากไม่มีมติ ครม.รองรับ หรือไม่ได้รับความเห็นชอบจากนายกฯคนใหม่ หรือผู้ปฏิบัติหน้าที่นายกฯ เพราะเดิมมติ ครม.กำหนดกรอบโครงการจำนำข้าวไว้ 5 แสนล้านบาท หากใช้เกินวงเงินต้องใช้รายได้จากการขายข้าวมาชดเชยแทน
ปิดช่องการใช้งบประมาณ ขณะที่ด้านเงินกู้อยู่ที่การพิจารณาของคณะกรรมการการเลือกตั้งหรือกกต. ที่รัฐบาลเสนอขอกู้ 1.3 แสนล้าน โดยให้เหตุผลว่าเป็นโครงการต่อเนื่อง ขณะที่หลายฝ่ายรวมทั้งนิพนธ์ พัวพงศกร จากทีดีอาร์ไอ บอกว่าไม่ต่อเนื่อง เพราะครม.อนุมัติกรอบไว้แค่ 5แสนล้าน ใช้หมดไปแล้ว
เมื่อไม่เป็นโครงการต่อเนื่อง จะขอกู้ ก็จะขัดกับข้อกฎหมายที่มีผลผูกพันต่อรัฐบาลชุดใหม่ กระทำไม่ได้ตามกฎหมายรัฐธรรมนูญมาตรา 181 ที่เขียนห้ามไว้
ช่องนี้ก็ดูเหมือนจะตีบตัน ยกเว้นจะฝ่าฝืนกฎหมายซ้ำซาก
เหลือเพียงช่องทางการระบายข้าว ซึ่งมีความจำเป็นต้องขายให้ได้อย่างน้อย 8 ล้านตัน จึงจะได้เงิน 1.3 แสนล้านมาใช้หนี้ชาวนาที่รัฐบาลสร้างความหวังและให้สัญญาไว้
สถานการณ์ตลาดข้าวในขณะนี้อย่าว่าแต่ขาย 8 ล้านตัน แค่จะขาย 1 ล้านตันยังยากเย็นแสนเข็ญ เพราะทุกคนรู้ว่าไทยแบกสต็อกไว้มาก ผลผลิตข้าวโลกมีส่วนเกินอยู่มาก แม้กระทั่งดั๊มราคาลงมายังขายไม่ออก
ประการหนึ่งการขายถ้าเป็นการใช้ทรัพยากรรัฐ มีผลผูกพันรัฐบาลหน้าก็มิอาจกระทำได้เช่นเดียวกัน หลังจากกกต.ให้ความเห็นออกมาชัดเจนแล้ว
ที่สำคัญสัญญาเดิมที่อ้างว่าขายรัฐต่อรัฐ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามทุจริตแห่งชาติหรือปปช.ตั้งข้อกล่าวหารัฐมนตรีและพวกในรัฐบาลยิ่งลักษณ์ไปแล้ว ไม่มีจีทูจีกับจีนจริง เป็นจีทูจีลวงโลก เลี่ยงการประมูลขายปกติ
ป.ป.ช.บอกว่า "กรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ ให้ยุติกรณีกระทำการบิดเบือนนี้อย่างเด็ดขาด หากไม่ดำเนินการ ป.ป.ช.ก็จะมีมาตรการขั้นเด็ดขาดต่อไป" ที่กระทำอยู่ ต้องหยุดการกระทำ
หมายความถึงการที่บริษัทสยามอินดิก้า 1ในผู้ถูกตั้งข้อกล่าวหา ที่กำลังขนข้าวลงเรือส่งไปแคเมอรูน ตามใบอนุญาตที่ออกเมื่อวันที่ 2 ม.ค.57 เป็นข้าวขาว 25 % ระบุผู้ซื้อคือสิงคโปร์ มีปลายทางที่คาเมอรูน ขายตันละ 336 ดอลลาร์ ต้องหยุดกระทำด้วยหรือไม่ ยังเบิกข้าวจากคลังหลวงหรือไม่ ถ้าเบิกข้าวจากคลังหลวงใช้สิทธิ์อะไร เจ้าหน้าที่ร่วมมือด้วยหรือไม่ อาจเป็นอีกข้อหาหนึ่ง
การจำนำข้าวถึงชั่วโมงนี้ ถือได้ว่าเป็นนโยบายที่ล้มเหลวครั้งใหญ่สุดเท่าที่เคยมีมา เป็นการกระทำที่ไม่ฟังเสียงทัดทานจากคนรอบข้าง แม้กระทั่งเสียงชาวนาที่พวกเขาบอกว่า พวกเขาไม่ได้ต้องการวิธีการจำนำแบบนี้ แต่กลับเป็นรัฐบาลที่ให้คำมั่นสัญญากับพวกเขาเอง เหมือนพวกเขาจะรู้ว่านโยบายแบบนี้เดินไปสู่หุบเหวแห่งหายนะ
เป็นบาปมหันต์ที่รัฐบาลกระทำกับชาวนา
ยิ่้งลักษณ์ ต้องไถ่บาปให้กับชาวนาโดยพลัน ด้วยการออกระเบียบสำนักนายกฯดึงอำนาจการขายข้าวมาไว้ ที่สำนักนายกฯเหมือนกับกรณีที่รัฐบาลสมัครเคยทำ เพราะการขายข้าวโดยกระทรวงพาณิชย์ได้สูญสิ้นความเชื่อมั่นไปโดยสิ้นเชิงแล้ว หลังปปช.ตั้งข้อกล่าวหาจีทูจีลวงโลก ไม่อาจไว้ใจกระทรวงพาณิชย์ให้ทำหน้าที่ขายข้าวได้อีกต่อไป
หลังดึงอำนาจออกมาแล้ว ยิ่งลักษณ์ ควรใช้ความหาญกล้า ยอมรับว่านโยบายผิดพลาด พร้อมกับขอโทษชาวนา และตั้งคณะกรรมการอิสระขึ้นมา 1 ชุด โดยยิ่งลักษณ์ต้องไปวิงวอนร้องขอคณะกรรมการ เช่น ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล นิพนธ์ พัวพงศกร สุภา ปิยะจิตติอดีตปลัดกระทรวงพาณิชย์ที่ยังมีชีวิตอยู่ มาเป็นคณะกรรมการ คัดแยกคุณภาพข้าวในโกดัง พร้อมกับทยอยระบายข้าวออกไป โดยให้อำนาจเต็มกับคณะกรรมการชุดนี้ ตั้งอนุกรรมการขึ้นมาทำงานได้ มีกฎหมายมีระเบียบรองรับ ดึงข้าราชการที่เห็นว่าจำเป็นมาทำงานให้ได้
ถ้าบุคคลที่ว่ายอมรับเป็นกรรมการให้
อาจเป็นการไถ่บาปของรัฐที่กระทำไว้กับชาวนาได้บ้าง
ไร่รักษ์ไม้,มูลไส้เดือน,ปุ๋ยมูลไส้เดือน,เกษตรแปรรูป,อุปกรณ์แค้มปิง,อุปกรณ์ป้องกันอุบัติภัย,เอาตัวรอดในภาวะวิกฤต
