ศาลปราจีนฯ เลื่อนนัดคดีจัดการ มรดกหลวงปู่เที่ยง วัดเจ้าเงาะ หลังอดีต เดียรถีย์ แต่งชุด พ.อ. กลับมาบวชใหม่เข้ายึดหวังฮุบมรดก
จาก ASTVผู้จัดการออนไลน์
ฉะเชิงเทรา - ศาลปราจีนบุรี เลื่อนนัดคดีพิพาทจัดการ “มรดกหลวงปู่เที่ยง วัดเจ้าเงาะ” หลัง “อดีตพระครูธรรมธรวันชัย ถาวโร” ผู้อื้อฉาวที่ถูกกองปราบฯ บุกจับคาชุด “พันเอก” ขณะขับรถยนต์หรู่พาสาวไปนอนกกที่บ้านพักย่านบางบัวทอง และถูกจับสึกเมื่อปี 43 กลับมาบวชเป็นพระอีกครั้ง ให้ทนายความยื่นขออำนาจศาลให้มีคำสั่งแต่งตั้งเป็นผู้จัดการมรดก ศาลชี้เหตุตัวผู้มีสิทธิจัดการมรดกวัดยังไม่แน่ชัด ทรัพย์สินใดเป็นของวัด หรือเป็นของผู้ใด พร้อมเตรียมเรียกสำนักพุทธฯ เข้าร่วมวงพิสูจน์สิทธิอีกครั้ง 24 ต.ค.56 แฉซ้ำคณะสงฆ์ปราจีนบุรีวุ่นไม่กล้าเข้าไปตรวจสอบทรัพย์สิน รวมทั้งที่ดินของวัด หลังถูก “สมีฉาว” อ้างสนิทกับเจ้าคณะภาค 12 “เจ้าคุณเสนาะ”
วันนี้ (6 ก.ย.) เวลา 16.30 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการที่ศาลจังหวัดปราจีนบุรี ได้นัดไต่สวนในคดีดำเลขที่ พ.373/56 ตามคำร้องขออำนาจศาลของ นายวุฒิชัย รัตนสูรย์ ทนายความ ให้มีคำสั่งแต่งตั้งพระมหาพลชัย ถาวโร (อุ่นทรัพย์) เป็นผู้จัดการมรดกของพระครูพัฒนวิเศษคุณ (เที่ยง โฉมเฉลา) อดีตเจ้าสำนักสงฆ์สันติวิเศษสุข หรือวัดเจ้าเงาะ ต.บ้านพระ อ.เมือง จ.ปราจีนบุรี หลังจากได้มรณภาพลงเมื่อปี 2554 ด้วยโรคเส้นโลหิตในสมองแตก ในวันที่ 4 ก.ย.ที่ผ่านมานั้น ศาลได้มีคำสั่งให้ทำการเลื่อนการไต่สวนตามคำร้องขอออกไปอีก เป็นวันที่ 24 ต.ค.56 เวลา 09.00 น. เนื่องจากทางศาลจังหวัดปราจีนบุรี ซึ่งมีนายนนทพัทธ์ อัศวก้องเกียรติ ผู้พิพากษาผู้รับฟ้อง และนายกิตติ เนตรประเสริฐชัย ผู้พิพากษาเจ้าของสำนวน เห็นว่า ผู้ร้องขอเข้ามาจัดการมรดกมีสิทธิในมรดกดังกล่าวหรือไม่ จึงควรมีการพิสูจน์หาผู้มีสิทธิที่แท้จริงในทรัพย์สินของพระครูพัฒนวิเศษคุณ (เที่ยง โฉมเฉลา) ว่า เป็นทรัพย์สินส่วนตัวของท่าน หรือเป็นทรัพย์สินของทางวัด
โดยศาลจะมีคำสั่งเรียกไปยังสำนักงานพระพุทธศาสนาฯ ให้เข้ามาร่วมในคดีเพื่อไต่สวนพิสูจน์ว่าสำนักพุทธฯ นั้น มีส่วนในทรัพย์สินนี้ด้วยหรือไม่ และหากทรัพย์สินเป็นของฆราวาส หรือเป็นของส่วนตัวของหลวงพ่อเที่ยง ก็ควรสืบหาทายาทหรือผู้มีสิทธิเข้ามาจัดการมรดกของท่านต่อไป
อนึ่ง สำหรับพระมหาพลชัย ถาวโร (อุ่นทรัพย์) อดีตคือ พระครูธรรมธรวันชัย ถาวโร อดีตเจ้าอาวาสวัดท่าช้าง ต.เขาพระ อ.เดิมบางนางบวช จ.สุพรรณบุรี เคยมีประวัติถูกเจ้าหน้าที่กองปราบปรามบุกเข้าจับกุมคาชุด “พันเอก” ขณะขับรถยนต์หรูพาสีกาสาวไปนอนด้วยภายในบ้านพักย่านบางบัวทอง จ.นนทบุรี และถูกจับสึกเมื่อวันที่ 25 ต.ค.2543 หลังจากนั้น พระครูธรรมธรวันชัย ถาวโร ได้กลับมาบวชเป็นพระใหม่อีกครั้ง โดยล่าสุด พบพระครูธรรมธรวันชัย ถาวโร ปรากฏตัวอยู่ที่วัดสันติวิเศษสุข หรือวัดเจ้าเงาะ ต.บ้านพระ อ.เมือง จ.ปราจีนบุรี โดยเปลี่ยนชื่อใหม่เป็นพระมหา ดร.พลชัย ถาวโร
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการสอบถามชาวบ้านบริเวณรอบวัดสันติวิเศษสุข หรือวัดเจ้าเงาะ ทราบว่า อดีตพระครูธรรมธรวันชัย ถาวโร ได้เข้ามาอยู่ที่วัดสันติวิเศษสุข หรือวัดเจ้าเงาะ เมื่อช่วงปี 2553 โดยขณะนั้น วัดสันติวิเศษสุข หรือวัดเจ้าเงาะ ยังเป็นที่พักสงฆ์ธุดงคสถานวิเศษสุขอยู่ ซึ่งยังไม่ได้มีการขออนุญาตจัดตั้งเป็นวัด โดยขณะนี้มีพระครูวิเศษพัฒนคุณ หรือหลวงพ่อเที่ยง ผาสุโก เป็นประธานฝ่ายสงฆ์อยู่ และที่พักสงฆ์ธุดงคสถานวิเศษสุขแห่งนี้ พระครูวิเศษพัฒนคุณ หรือหลวงพ่อเที่ยง ผาสุโก ได้เป็นผู้บุกเบิก และจัดตั้งขึ้น จนกระทั่งพระครูวิเศษพัฒนคุณ หรือหลวงพ่อเที่ยง ผาสุโก ได้มรณภาพลงเมื่อวันที่ 21 เมษายน 2554
หลังจากพระครูวิเศษพัฒนคุณ หรือหลวงพ่อเที่ยง ได้มรณภาพลงแล้ว อดีตพระครูธรรมธรวันชัย ถาวโร หรือพระมหา ดร.พลชัย ถาวโร ก็ได้เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ธุดงคสถานวิเศษสุข แทน จนกระทั่งปี 2555 ที่พักสงฆ์ธุดงคสถานวิเศษสุข ก็ได้รับอนุญาตให้จัดตั้งเป็นวัดชื่อว่า วัดสันติวิเศษสุข หรือวัดเจ้าเงาะ และอดีตพระครูธรรมธรวันชัย ถาวโร ได้่พยายามที่จะขึ้นมาเป็นเจ้าอาวาสวัด แต่ถูกทางคณะสงฆ์จังหวัดปราจีนบุรี ขวางไว้ เนื่องจากทราบประวัติอดีตพระครูธรรมธรวันชัย ถาวโร ดีว่า เคยมีประวัติฉาวเกี่ยวกับสีกา และเคยถูกเจ้าหน้าที่กองปราบปรามจับกุม และจับสึกมาแล้วเมื่อปี 2543 เนื่องจากอดีตพระครูธรรมธรวันชัย ถาวโร ขาดจากความเป็นพระแล้ว เนื่องจากอาบัติปาราชิกที่พาสีกาสาวไปนอนที่บ้านย่านบางบัวทอง จ.นนทบุรี และการกลับมาบวชเป็นพระอีกครั้งของอดีตพระครูธรรมธรวันชัย ถาวโร ครั้งล่าสุดนี้ ก็ไม่สมบูรณ์ เนื่องจากพระที่อาบัติปาราชิกแล้วเมื่อกลับมาบวชเป็นพระอีกก็ไม่ขึ้นชื่อว่า เป้นพระอีกต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า แม้ตอนนี้คณะสงฆ์ในจังหวัดปราจีนบุรี ไม่สามารถที่จะเข้าไปดำเนินการต่ออดีตพระครูธรรมธรวันชัย ถาวโร ได้ เนื่องจากที่ผ่านมา อดีตพระครูธรรมธรวันชัย ถาวโร มักใช้ข้ออ้างว่ารู้จัก และสนิทสนมกันดีกับพระพรหมสุธี (เสนาะ ปญฺญาวชิโร) เจ้าคณะภาค 12 วัดสระเกศ แขวงบ้านบาตร เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย กรุงเทพมหานคร มาข่มขู่คณะสงฆ์ในจังหวัดปราจีนบุรี จนทำให้คณะสงฆ์ในจังหวัดปราจีนบุรี ไม่มีใครกล้าที่จะเข้าไปดำเนินการต่ออดีตพระครูธรรมธรวันชัย ถาวโร เนื่องจากเกรงบารมีของพระพรหมสุธี (เสนาะ ปญฺญาวชิโร) เจ้าคณะภาค 12 วัดสระเกศ
ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า หลังจากอดีตพระครูธรรมธรวันชัย ถาวโร เข้ามาอยู่ที่วัดเจ้าเงาะ พระที่เคยจำพรรษาอยู่ที่วัดนี้หลายรูปก็ได้ออกไปจำพรรษาอยู่ที่วัดอื่น หรือไม่ก็กลับไปจำพรรษายังวัดต้นสังกัด เนื่องจากรับไม่ได้ที่จะต้องจำพรรษาอยุ่ร่วมกับอีดตพระผู้ที่เคยมีประวัติ อื้อฉาวเกี่ยวกับสีกา และเคยถูกเจ้าหน้าที่กองปราบปรามบุกจับกุมคารถยนต์ และแต่งชุด “พันเอก” โดยเอาผ้าเหลืองยัดไว้ภายในขณะที่พาสีกาไปนอนด้วย และถูกจับสึกมาแล้วเมื่อปี 2543 จนเป้นข่าวโด่งดังไปทั่วในช่วงนั้นมาก่อน
“ผมอยากให้ทางมหาเถรสมาคม และเจ้าหน้าที่ตำรวจ ตลอดจนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าไปตรวจสอบในเรื่องนี้ที่วัดเจ้าเงาะ เพราะหลังจากหลวงปู่เที่ยง ได้มรณภาพลง และอดีตพระครูธรรมธรวันชัย ถาวโร ได้ตั้งตัวเองขึ้นมาเป็นประธานฝ่ายสงฆ์ สภาพภายในวัดเจ้าเงาะ ก็เปลี่ยนไปจากที่เคยมีญาติโยมทั้งในพื้นที่จังหวัดปราจีนบุรี บริเวณรอบๆ วัด และจากที่อื่นเดินทางมาทำบุญกันเป็นจำนวนมากไม่เว้นแต่ละวัน แต่ตอนนี้วัดนี้กลับเงียบสนิท
อีกทั้งของภายในวัดสมัยที่หลวงปู่เที่ยง เก็บรักษาไว้ ซึ่งมีทั้งของเก่าโบราณ และพระพุทธรูปเก่าๆ ก็สูญหายไปจำนวนมากไม่ทราบว่าหายไปไหน ใครเอาไป ที่ผ่านมา พอทางคณะสงฆ์จังหวัดปราจีนบุรีจะเข้าไปตรวจสอบก็ถูกอดีตพระครูธรรมธรวันชัย ถาวโร ขัดขวางไม่ให้ตรวจสอบ และก็อ้างชื่อพระพรหมสุธี (เสนาะ ปญฺญาวชิโร) เจ้าคณะภาค 12 มาข่มขู่ว่าสนิท และรู้จักกัน และบอกว่าได้รับมอบหมายให้มาดูแลวัดนี้ อีกทั้งยังอ้างว่าหลวงปู่เที่ยง ได้ทำพินัยกรรมให้เป็นผู้ดูแลมรดก และทรัพย์สินทั้งหมดทั้งที่ดินของวัดร่วมแล้วประมาณ 100 ไร่ และทรัพย์สินต่างๆ ภายในวัด
จนกระทั่งพระมหาพลชัย ถาวโร (อุ่นทรัพย์) ได้มอบอำนาจให้ นายวุฒิชัย รัตนสูรย์ ทนายความดำเนินการยื่นคำร้องต่อศาลจังหวัดปราจีนบุรี เมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม 2556 ขออำนาจศาลให้มีคำสั่งแต่งตั้งพระมหาพลชัย ถาวดร (อุ่นทรัพย์) เป็นผู้จัดการมรดกของพระครูพัฒนวิเศษคุณ (เที่ยง โฉมเฉลา) ซึ่งศาลได้นัดไต่สวนคำร้องในวันที่ 4 กันยายน 2556 ที่ผ่านมา” แหล่งข่าวคนหนึ่งเปิดเผยกับผู้สื่อข่าว
กองปราบฯย่องสอบ "เดียรถีย์โล้น" ยึดวัดเจ้าเงาะ เจ้าคณะปราจีนฯชี้เป็นภัยต่อศาสนา ถือหนังสือสุทธิ 2 เล่ม
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์
ฉะเชิงเทรา - กองปราบฯ ย่องเงียบตรวจสอบหลักฐาน "เดียรถีย์โล้น" ที่ถูกจับสึกฐานมั่วสุมสีกาและแต่งชุด "พ.อ." เมื่อปี 43 แล้วแอบกลับมาบวชอีกครั้ง พร้อมเข้ายึด "วัดเจ้าเงาะ" ของ "หลวงปู่เที่ยง" หวังฮุบมรดก ขึ้นป้ายเชิญชวนร่วมถวายผ้ากฐิน ผ้าไตรพระราชทานที่ "วัดเจ้าเงาะ" ด้านเจ้าคณะจังหวัดปราจีนบุรี ชี้เป็นภัยต่อศาสนา แฉถือหนังสือสุทธิ 2 เล่ม ลั่นให้อยู่ในพื้นที่ไม่ได้ ขณะที่ชาวบ้านรอบวัดชี้ "วัดเจ้าเงาะเปลี่ยนไป"
ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้ากรณีพบพระมหาพลชัย ถาวโร (อุ่นทรัพย์) อดีตพระครูธรรมธรวันชัย ถาวโร อดีตเจ้าอาวาสวัดท่าช้าง ต.เขาพระ อ.เดิมบางนางบวช จ.สุพรรณบุรี ที่เคยถูกเจ้าหน้าที่กองปราบปรามบุกจับกุมคาชุด “พันเอก” ขณะขับรถยนต์หรูพาสีกาสาวไปนอนภายในบ้านพักย่านบางบัวทอง จ.นนทบุรี และถูกจับสึกเมื่อวันที่ 25 ต.ค.2543 หลังจากนั้น ได้กลับมาบวชเป็นพระใหม่อีกครั้ง โดยล่าสุดพบปรากฏตัวอยู่ที่วัดสันติวิเศษสุข หรือวัดเจ้าเงาะ ต.บ้านพระ อ.เมือง จ.ปราจีนบุรี โดยเปลี่ยนชื่อใหม่เป็นพระมหา ดร.พลชัย ถาวโร และพยายามที่จะยึดทรัพย์สิน รวมทั้งที่ดินของวัดหลังจากพระครูวิเศษพัฒนคุณ (เที่ยง โฉมเฉลา) ผู้ก่อตั้งวัดนี้ได้มรณภาพลงเมื่อปี 2554
โดยแหล่งข่าวเปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้ พ.ต.ท.ต่อศักดิ์ ปานกลิ่นพุฒ สารวัตร กองกับการ 2 กองบังคับการปราบปราม ได้มอบหมายให้ ร.ต.ต.สุรชัย จันทร์สิงห์ รอง สว.ฯ ปฏิบัติราชการ กก.2 บก.ป.ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อมูลและหาหลักฐานแล้ว โดยได้ไปสอบปากคำนายธวัฒน์ แท่นทอง ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดปราจีนบุรี ถึงพฤติกรรมของพระมหาพลชัย ถาวโร รวมทั้งตรวจสอบเรื่องที่มีพุทธศาสนิกชนร้องเรียนไปยังกองกำกับการ 2 กองบังคับการปราบปราม ให้มีการตรวจสอบหลังพบเห็นป้าย "เชิญชวนร่วมถวายผ้ากฐิน ผ้าไตรพระราชทาน ณ ธุงคสถาน ที่วัดสันติวิเศษสุข ต.บ้านพระ อ.เมือง จ.ปราจีนบุรี ในวันที่ 17 พฤศจิกายน 2555 เวลา 12.12 น.ฃ
โดยนายธวัฒน์ ให้การกับเจ้าหน้าที่ว่า กรณีดังกล่าวทางสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดปราจีนบุรีไม่ทราบว่าทางวัด สันติวิเศษสุขนั้นได้ขอพระราชทานผ้าไตรพระราชทานผ่านหน่วยงานใด และถูกต้องหรือไม่ แต่วันดังกล่าวทางวัดได้จัดงานถวายกฐิน ผ้าไตรพระราชทาน จริง ดดยในวันนั้นมีข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ใน จ.ปราจีนบุรี รวมทั้งข้าราชการทหาร ตำรวจ และพระสังฆาธิการระดับจังหวัดได้มาร่วมงานด้วย
นายธวัฒน์ ให้การต่อว่า ในขณะนั้น (17 พ.ย.55) วันสันติวิเศษสุข มีสถานะเป้นที่พักสงฆ์และได้รับอนุญาติให้สร้างวัดแล้วและอยู่ระหว่าง พิจารณาอนุญาตให้ตั้งวัด โดยมีพระพลชัย ถาวโร เป็นประธานดูแลและปัจจุบันวัดสันติวิเศษสุข ได้รับอนุญาตให้ตั้งวัดถูกต้องตามกฎหมายแล้วตั้งแต่วันที่ 24 ธันวาคม 2555
"ทางสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดปราจีนบุรี ทราบว่านายปัญญา บำรุงวัด ซึ่งเป็นผู้ได้รับอนุญาตให้ตั้งวัดได้เสนอพระพลชัย ถาวโร เป็นเจ้าอาวาสวัด แต่ปัจจุบันยังไม่ได้มีการแต่งตั้งพระรูปใดเป็นเจ้าอาวาสวัดสันติวิเศษสุข หากแต่ทางคณะสงฆ์จังหวัดปราจีนบุรี ได้แต่งตั้งพระครูจันทวรกิจจาภรณ์ เจ้าอาวาสวัดเนินดินแดง ตำแหน่งเต้าคณะตำบลบ้านพระ เขต 2 เป็นผู้รักษาการแทนเจ้าอาวาสวัดสันติวิเศษสุข" นายธวัฒน์ ให้การ
นายธวัฒน์ ยังให้การอีกว่า ปัจจุบันพระพลชัย ถาวโร สังกัดวัดธรรมปัญญา ต.พรหมณี อ.เมือง จ.นครนายก ยังไม่ได้ย้ายสังกัดมาอยู่ที่วัดสินติสุข เพียงแค่มาพำนักอยู่ที่วัดสินติวิเศษสุข ในฐานะพระลูกวัดเท่านั้น และได้รับมอบหมายจากพระครูจันทวรกิจจาภรณ์ เจ้าอาวาสวัดเนินดินแดง ตำแหน่งเจ้าคณะตำบลบ้านพระ เขต 2 เป็นผู้รักษาการแทนเจ้าอาวาสวัดสินติวิเศษสุข ด้วยวาจาให้พระพลชัย ถาวโร ช่วยดูแลวัด ไปพรางก่อน แต่จะดำเนินการอะไรภายในวัดสันติวิเศษ ให้รายงานพระครุจันทวรกิจจาภรณ์ ทราบก่อน
**พระผู้ใหญ่ปราจีนฯชี้ "เป็นภัยต่อศาสนา"
ด้านพระราชภัทรธาดา เจ้าอาวาสวัดบางกระเบา อ.บ้านสร้าง จ.ปราจีนบุรี เจ้าคณะจังหวัดปราจีนบุรี กล่าวถึงเรื่องที่ทางพระครูจันทวรกิจจาภรณ์ เจ้าอาวาสวัดเนินดินแดง ตำแหน่งเจ้าคณะตำบลบ้านพระ เขต 2 เป็นผู้รักษาการแทนเจ้าอาวาสวัดสินติวิเศษสุข ยังไม่รับพระพลชัย เข้าสังกัดและแต่งตั้งให้เป็นเจ้าอาวาสวัดเจ้าเงาะว่า เนื่องจากมีการตรวจสอบพบว่าพระรูปนี้ถือหนังสือสุทธิ 2 เล่ม และมีข้อมูลประวัติเคยถูกเจ้าหน้าที่กองปราบฯ จับกุมและจับสึกมาแล้ว แต่อย่างไรก็ตาม ได้มอบหมายให้ทางคณะสงฆ์เข้าไปตรวจสอบและสอบสวนในเรื่องนี้แล้ว แต่ยังไม่ได้มีรายงานเข้ามา
ขณะที่แหล่งข่าวในแวงวงการสงฆ์ใน จ.ปราจีนบุรี เปิดเผยว่า เรื่องของพระพลชัยนี้ ทางพระผู้ใหญ่ใน จ.ปราจีนบุรี บอกว่าจะปล่อยให้อยู่ในพื้นที่ จ.ปราจีนบุรี ไม่ได้ เพราะบุคคนี้ถือว่าเป็นภัยต่อศาสนาอย่างร้ายแรง เพราะที่ผ่านมาได้ใช้ศาสนาหากินมาโดยตลอด และชอบแอบอ้างชื่อพระผู้ใหญ่ โดยเฉพาะพระพรหมสุธี (เสนาะ ปัญญาวชิโร) เจ้าคณะภาค 12 นอกจากนี้ ยังชอบแอบอ้างว่ารู้จักกับพระผู้ใหญ่อีกหลายรูป และรู้จักกับบุคคลสำคัญระดับประเทศ รวมทั้งระดับรัฐมนตรีในรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ด้วย
"หลังจากที่พระพลชัย เข้ามาอยู่ใน จ.ปราจีนบุรี ก็ได้สร้างความปั่นป่วนให้กับวงการสงฆ์และศาสนาใน จ.ปราจีนบุรี อย่างมากจนชาวบ้านรอบๆ วัดเจ้าเงาะ เขาเริ่มที่จะเอื่อมระอากันบ้างแล้ว และปัจจุบันพบว่าญาตโยมบริเวณรอบๆ วันเจ้าเงาะนั้นก็ไม่มีใครเขาเข้าไปทำบุญที่วัดนี้แล้ว จะมีก็น้อยมาก ส่วนคนที่มาส่วนใหญ่จะเป็นคนนอกพื้นที่ที่ได้ฟังพระพลชัย จัดรายการทางวิทยุเชิญชวนมาทำบุญ แต่ก็ยังมีไม่มากประมาณ 40-50 คนและจะมีเฉพาะวันเสาร์ที่มีพิธีสะเดาะเคราะห์กันเท่านั้น" แหล่งข่าวกล่าว
**ชาวบ้านรอบวัดชี้"วัดเจ้าเงาะ"เปลี่ยนไป
ขณะที่ชาวบ้านที่อยู่ใกล้ๆ วัดรายหนึ่ง เปิดเผยว่า ปัจจุบันวัดเจ้าเงาะต่างจากสมัยที่หลวงปู่เที่ยงอยู่ ซึ่งจะมีคนมาทำบุญไม่ขาดสาย ถ้าเป็นวันเสาร์ อาทิตย์ และวันหยุดสำคัญจะมากันมาจนที่จอดรถเต็มไปหมด และหลวงปู่เอง ก็จะมีเมตตาให้ความช่วยเหลือชาวบ้านที่ได้รับความเดือดร้อน เคยซื้อที่ดินให้กับทาง อบต.บ้านพระ และเคยให้งบประมาณกับทาง อบต.บ้านพระในการจ้างรถมาขุดบ่อเพื่อทำน้ำประปา ให้แก่ชาวบ้านด้วย
"ตอนนี้ไม่ค่อยจะมีมาเท่าไร จะมาก็วันเสาร์ที่เดินทางมาจากกรุงเทพฯ มาทำพิธีสะเดาะเคราะห์พอตกเย้นประมาณ 16.00 น.ก็จะกลับโดยมีรถรับส่ง ส่วนพระที่มาอยู่ใหม่ ทราบว่ายังไม่ได้มีการแต่งตั้งให้เป็นเจ้าอาวาส มาอยู่เมื่อช่วงปี 2553 ซึ่งไม่รู้ว่ามาจากไหน ส่วนพระเก่าๆ ที่อยู่ในวัดนี้สมัยที่หลวงปู่เที่ยง ยังไม่มรณภาพก็ไม่ได้อยู่กันแล้ว จะเห็นมีก็เพียงแค่รูปเดียวเท่านั้น ซึ่งท่านชอบเล่นหวย และพระที่มาจำพรรษาที่วัดนี้ก็เป็นพระมาจากที่อื่น"
ขณะที่ชาวบ้านอีกราย ซึ่งอยู่บริเวณใกล้ๆ กับวัด บอกว่า พวกตนศรัทธาหลวงปู่เที่ยง กันมากเพราะท่านเป็นพระปฏิบัติดี ช่วยเหลือชาวบ้าน ที่ดินทั้งหมดนี้หลวงปู่เที่ยงก็เป็นผู้ซื้อทั้งหมด โดยท่านทยอยซื้อที่ละแปลงเพื่อต้องการที่จะสร้างวัดนี้ให้เป็นวัดประจำตำบล และเป็นศูนย์รวมของประชาชน แต่พอท่านมรณภาพ พระองค์ใหม่เข้ามาอยู่แทน ตนมีความรู้สึกว่าทางวัดมีอะไรที่เปลี่ยนแปลงไปไม่เหมือนแต่ก่อน
"วัดเจ้าเงาะ" เงียบ หลัง "เดียรถีย์โล้น" โผล่ยึด - ศิษย์ยัน "ปู่เที่ยง" ไม่เคยทำพินัยกรรมยกสมบัติที่ดินวัดให้ใคร
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์
ภาพเหตุการณ์ช่วงที่พระ มหา ดร.พลชัย ถาวโร ในสมัยที่ดำรงสมณศักดิ์เป็น
พระครูธรรมธรวันชัย ถาวโรถูกเจ้าหน้าที่กองปราบฯบุกเข้าจับกุมขณะที่แต่ง
ชุดนายทหารยศ "ผู้พัน"ขับรถยนต์หรูพาสีกาไปกกในบ้านบางบัวทอง จ.นนทบุรี
และถูกจับสึกเมื่อวันที่ 25 ต.ค.2543
ฉะเชิงเทรา - "วัดเจ้าเงาะ" ปราจีนบุรีของ "หลวงปู่เที่ยง" เงียบเหงาหลัง "เดียรถีย์โล้น" อดีตพระครูธรรมธรวันชัย ที่ถูกกองปราบฯ บุกจับกุมคาชุด "พันเอก" ขณะขับรถยนต์หรู่พาสาวไปนอนที่บ้านพักย่านบางบัวทองและถูกจับสึกเมื่อปี 43 กลับมาบวชใหม่เข้ายึด หวังฮุบทรัพย์สมบัติและที่ดิน ศิษย์ผู้ใกล้ชิด "หลวงปู่เที่ยง" ยันหลวงปู่ไม่เคยทำพินัยกรรมยกสมบัติที่ดินวัดให้กับใคร ลั่น "ถ้ามีผมก็ถือว่า คนที่รับพินัยกรรมนั้นเลวสุดๆ" ขณะที่ ผอ.สำนักพุทธฯ ชี้ตาม กม.ระบุชัดถ้าพระสงฆ์เจ้าของที่ดินมรณภาพสมบัติทั้งหมดต้องตกเป็นของวัดต้น สังกัด
ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้ากรณีพบพระมหาพลชัย ถาวโร (อุ่นทรัพย์) อดีตพระครูธรรมธรวันชัย ถาวโร เจ้าอาวาสวัดท่าช้าง ต.เขาพระ อ.เดิมบางนางบวช จ.สุพรรณบุรี ที่เคยถูกเจ้าหน้าที่กองปราบปรามบุกจับกุมคาชุด "พันเอก" ขณะขับรถยนต์หรูพาสีกาสาวไปนอนภายในบ้านพักย่านบางบัวทอง จ.นนทบุรี และถูกจับสึกเมื่อวันที่ 25 ต.ค.2543 หลังจากนั้นได้กลับมาบวชเป็นพระใหม่อีกครั้ง โดยล่าสุดพบปรากฏตัวอยู่ที่วัดสันติวิเศษสุข หรือวัดเจ้าเงาะ ต.บ้านพระ อ.เมือง จ.ปราจีนบุรี โดยเปลี่ยนชื่อใหม่เป็น พระมหา ดร.พลชัย ถาวโร และพยายามที่จะยึดทรัพย์สิน รวมทั้งที่ดินของวัดเจ้าเงาะ หลังจากพระครูวิเศษพัฒนคุณ (เที่ยง โฉมเฉลา) ผู้ก่อตั้งวัดได้มรณภาพลงเมื่อปี 2554 โดยพระมหา ดร.พลชัย ผู้นี้ได้เข้ามาอยู่ที่วัดนี้เมื่อประมาณปี 2553 ก่อนที่หลวงปู่เที่ยง จะมรณภาพลงเพียงปีเดียว
ล่าสุดวันนี้ (8 ก.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศภายในวัดเจ้าเงาะ เป็นไปอย่างเงียบเหงา หลังจากที่ ASTVผู้จัดการออนไลน์ ได้มีการนำเสนอข่าวพระมหา ดร.พลชัย ที่พยายามจะยึดทรัพย์สิน รวมทั้งที่ดินของวัดเจ้าเงาะ โดยได้มอบอำนาจให้นายวุฒิชัย รัตนสูรย์ ทนายความดำเนินการยื่นคำร้องต่อศาลจังหวัดปราจีนบุรี เมื่อวันที่ 4 ก.ค.56 ขออำนาจศาลให้มีคำสั่งแต่งตั้งพระมหาพลชัย ถาวดร (อุ่นทรัพย์) เป็นผู้จัดการมรดกของหลวงปู่เที่ยง โฉมเฉลา ซึ่งศาลได้นัดไต่สวนคำร้องในวันที่ 4 ก.ย.56 ที่ผ่านมา
แต่ปรากฎว่าศาลได้มีคำสั่งให้ทำการเลื่อนการไต่สวนตามคำร้องขอออกไป อีก เป็นวันที่ 24 ต.ค.56 เวลา 09.00 น. เนื่องจากทางศาลจังหวัดปราจีนบุรี ซึ่งมีนายนนทพัทธ์ อัศวก้องเกียรติ ผู้พิพากษาผู้รับฟ้อง และนายกิตติ เนตรประเสริฐชัย ผู้พิพากษาเจ้าของสำนวน เห็นว่า ผู้ร้องขอเข้ามาจัดการมรดกมีสิทธิในมรดกดังกล่าวหรือไม่ จึงควรมีการพิสูจน์หาผู้มีสิทธิที่แท้จริงในทรัพย์สินของหลวงปู่เที่ยงว่า เป็นทรัพย์สินส่วนตัวของท่าน หรือเป็นทรัพย์สินของทางวัด โดยศาลจะมีคำสั่งเรียกไปยังสำนักงานพระพุทธศาสนาฯ ให้เข้ามาร่วมในคดีเพื่อไต่สวนพิสูจน์ว่าสำนักพุทธฯนั้นมีส่วนในทรัพย์สิน นี้ด้วยหรือไม่ และหากทรัพย์สินเป็นของฆราวาส หรือเป็นของส่วนตัวของหลวงปู่เที่ยง ก็ควรสืบหาทายาทหรือผู้มีสิทธิเข้ามาจัดการมรดกของท่านต่อไป
**ศิษย์ยันหลวงปู่ไม่เคยทำพินัยกรรมให้ใคร
นายปัญญา บำรุงวัด นายกเทศมนตรีตำบลบ้านพระ อ.เมือง จ.ปราจีนบุรี ศิษย์ผู้ใกล้ชิดหลวงปู่เที่ยง ที่ได้รับมอบหมายให้ดำเนินการขออนุญาตสร้างวัดสันติวิเศษสุข หรือเจ้าเงาะ เปิดเผยว่า ตนเป็นคนได้รับมอบหมายจากหลวงปู่ ให้เป็นผู้ดำเนินการทำเรื่องขออนุญาตจัดสร้างวัดเองในเนื้อที่ประมาณ 9 ไร่ จนได้รับอนุญาตให้สร้างเป็นวัดเมื่อปี 2555 ที่ผ่านมา
"ส่วนที่ดินทั้งหมดนั้นหลวงปู่ ได้ทยอยซื้อมาจากชาวบ้านที่ต้องการจะขายให้กับวัดที่ละแปลง มากบ้างน้อยบ้าง ส่วนที่มีการบอกว่าหลวงปู่ ทำพินัยกรรมยกให้กับคนใดคนหนึ่งนั้น ยืนยันครับว่าไม่มีแน่นอน ถ้ามีผมก็ถือว่า คนที่รับพินัยกรรมนั้นเลวสุดๆ เพราะที่ดินทั้งหมดหลวงปุ่ ต้องการที่จะสร้างให้เป็นวัดประจำพื้นที่และเป็นสถานที่ปฏิบัติธรรมประจำ ตำบล ซึ่งหลวงปู่ได้ตั้งปณิธานไว้อย่างนี้ ดังนั้น จึงเป้นไปไม่ได้เลยที่หลวงปู่จะทำพินัยกรรมให้กับใครคนใดคนหนึ่งเพื่อเป้ นประดยชน์ของตนเอง" นายปัญญา กล่าว
นายธวัฒน์ แท่นทอง ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดปราจีนบุรี กล่าวว่า เรื่องพระมหา ดร.พลชัย เป็นอำนาจหน้าที่ของคณะสงฆ์ที่จะเข้าไปดำเนินการกันเอง แต่จากการตรวจสอบประวัติพบว่าเคยถูกจับสึกมาแล้วเพราะต้องอาบัติปาราชิก เมื่อปี 2543 แล้วกลับมาบวชเป้นพระใหม่
ส่วนเรื่องทรัพย์สินและที่ดินของวัดเจ้าเงาะนั้น ตามกฎหมายแล้วไม่ว่าวัดใดก็ตาม ตาม พ.ร.บ.สงฆ์ได้ระบุไว้ชัดเจนว่า เมื่อพระสงฆ์ที่ซื้อที่ดินไว้มรณภาพลงที่ดินทั้งหมดจะต้องตกเป็นสมบัติของ วัดต้นสังกัด จะตกเป็นของผู้หนึ่งผู้ใดไม่ได้ ส่วนที่ดินวัดเจ้าเงาะ หลวงปู่เที่ยง มีต้นสังกัดอยู่ที่วัดบางแตน ดังนั้น เมื่อหลวงปู่เที่ยง มรณภาพลง ที่ดินและทรัพย์สินทั้งหมดในวัดเจ้าเงาะ ก็จะต้องตกเป็นสมบัติของวัดต้นสังกัดทันทีคือ วัดบางแตน
"ยกเว้นแต่จะมีการทำพินัยกรรมยกมรดกไว้ให้กับใครหรือไม่ แต่เบื้องต้นทราบว่า หลวงปู่เที่ยง ไม่ได้ทำพินัยกรรมยกมรดกไว้ให้กับผู้ใด ดังนั้น ทางวัดบางแตน จึงมีสิทธิ์เต็มที่ที่จะเข้าไปตรวจสอบ ดำเนินการ และดูแลทรัพย์สินภายในวัดเจ้าเงาะ ทั้งหมด" นายธวัฒน์ กล่าว
ทางด้านพระครูโกศลถาวรกิจ เจ้าอาวาววัดบางแตน อ.บ้านสร้าง จ.ปราจีนบุรี วัดต้นสังกัดหลวงปุ่เที่ยง เปิดเผยว่า ทางวัดไม่ได้ปรารถนาเอาดินวัดเจ้าเงาะ ทั้งหมดมาเป็นของวัดแต่อย่างใด แต่เมื่อหลวงปุ่เที่ยง มรณภาพแล้วก็ตกเป็นหน้าที่ของทางวัดต้นสังกัดต้องเข้าไปดำเนินการ ตรวจสอบทรัพย์สินทั้งหมดเพื่อความถูกต้อง อย่างไรก็ตาม หากทุกอย่างดำเนินการเรียบร้อยแล้ว ทางวัดต้นสังกัดก็พร้อมที่จะยกที่ดินทั้งหมดให้เป็นสมบัติของวัดที่ดูแลอยู่ ในพื้นที่ต่อไป
"ส่วนที่มีการบอกว่า หลวงปุ่เที่ยง ทำพินัยกรรมยกให้กับใครคนใดคนหนึ่งนั้น ยืนยันว่า ไม่เป็นความจริงและก่อนที่หลวงปูเที่ยง จะมรณภาพท่านก็ได้บอกกับพระทางวัดตอนที่อยู่โรงพยาบาลไว้แล้วว่าให้ดำเนิน การให้เป็นของสงฆ์ทั้งหมด เพื่อให้เป็นประโยชน์ต่อสาธุชนต่อไป"
พระราชภัทรธาดา เจ้าอาวาสวัดบางกระเบา อ.บ้านสร้าง จ.ปราจีนบุรี เจ้าคณะจังหวัดปราจีนบุรี กล่าวว่า ได้รับทราบเรื่องราวของพระมหา ดร.พลชัย หรืออดีตพระครูธรรมธรวันชัย ถาวโร เจ้าอาวาสวัดท่าช้าง ต.เขาพระ อ.เดิมบางนางบวช จ.สุพรรณบุรี ที่เคยถูกกองปราบปรามบุกเข้าจับกุมและถูกจับสึกเมื่อวันที่ 25 ต.ค.2543 แล้ว ขณะนี้ทางคณะสงฆ์ปราจีนบุรี กำลังดำเนินการตรวจสอบอยู่ เบื้องต้นทราบว่า หลังจากที่อดีตพระครูธรรมธรวันชัย ถูกจับสึกแล้วก็ได้แอบกลับมาบวชเป็นพระใหม่ และตอนนี้ก็ถือหนังสือสุทธิ 2 เล่มไม่ทราบว่าหนังสือสุทธิทั้ง 2 เล่มที่ถืออยู่นั้นเป็นของหรือไม่ ซึ่งทางคณะสงฆ์กำลังดำเนินการตรวจสอบกันอยู่ แต่ยังไม่ได้รายงานผลการตรวจสอบขึ้นมา
แหล่งข่าวเปิดเผยว่า ตอนนี้คณะสงฆ์ในจังหวัดปราจีนบุรี ไม่มีใครกล้าที่จะเข้าไปดำเนินการต่อพระมหา ดร.พลชัย และตรวจสอบทรัพย์สิน หรือที่ดินของหลวงปู่เที่ยง ภายในวัดเจ้าเงาะได้ เนื่องจากที่ผ่านมามักจะถูกพระมหา ดร.พลชัย พูดจาข่มขู่ในโดยอ้างว่ารู้จักและสนิทสนมกันดีกับพระพรหมสุธี (เสนาะ ปญฺญาวชิโร) เจ้าคณะภาค 12 วัดสระเกศ แขวงบ้านบาตร เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย กรุงเทพฯ จนทำให้ไม่มีใครกล้าที่จะเข้าไปดำเนินการต่อพระมหา ดร.พลชัย เนื่องจากเกรงบารมีของพระพรหมสุธี
"หลังจากที่พระมหา ดร.พลชัย เข้ามาอยู่ในวัดเจ้าเงาะ ก็ได้สร้างความปั่นป่วนให้แก่วงการสงฆ์และศาสนาใน จ.ปราจีนบุรี อย่างมาก จนชาวบ้านรอบๆ วัดเจ้าเงาะเขาเริ่มเอือมระอากันแล้ว ซึ่งทางพระผู้ใหญ่ใน จ.ปราจีนบุรี บอกว่าจะปล่อยให้คนนี้อยู่ในพื้นที่ จ.ปราจีนบุรี ไม่ได้ เพราะถือว่าเป็นภัยต่อศาสนาอย่างร้ายแรง เพราะที่ผ่านมาได้ใช้ศาสนาหากินมาโดยตลอด และชอบแอบอ้างชื่อพระผู้ใหญ่โดยเฉพาะพระพรหมสุธี นอกจากนี้ ยังชอบแอบอ้างว่ารู้จักกับพระผู้ใหญ่อีกหลายรูปและรู้จักกับบุคคลสำคัญระดับ ประเทศ รวมทั้งระดับรัฐมนตรีในรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ด้วย" แหล่งข่าวกล่าว
ไร่รักษ์ไม้,มูลไส้เดือน,ปุ๋ยมูลไส้เดือน,เกษตรแปรรูป,อุปกรณ์แค้มปิง,อุปกรณ์ป้องกันอุบัติภัย,เอาตัวรอดในภาวะวิกฤต