จาก โพสต์ทูเดย์

หลังจากที่ชาวมอญใน อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี พร้อมด้วยหน่วยงานภาครัฐ ร่วมแรงร่วมใจช่วยกันสร้างสะพานลูกบวบข้ามแม่น้ำซองกาเลียเชื่อมต่อระหว่าง บ้านวังกะ หมู่ 2 และบ้านไหล่น้ำ หมู่ 3 ต.หนองลู เพื่อให้ประชาชนสามารถเดินทางสัญจรไปมาหาสู่กันได้ เนื่องจากสะพานอุตตมานุสรณ์ หรือที่นิยมเรียกกันว่า สะพานมอญ หรือ สะพานไม้ ซึ่งเป็นสะพานไม้ที่ยาวที่สุดในประเทศไทย ถูกกระแสน้ำพัดพังถล่มลงมา โดยการสร้างแพลูกบวบสร้างเพียงแค่ 6 วัน ก็แล้วเสร็จ ชาวบ้านต่างรู้สึกดีใจ โดยเฉพาะเด็กนักเรียนชาวมอญที่ต้องข้ามฝั่งไปเรียนหนังสือที่ตัวอำเภอสังขละ บุรี และปัจจุบันสะพานแห่งนี้กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวแห่งใหม่ของ อ.สังขละบุรี ไปแล้ว

บรรยากาศเมื่อช่วงเช้าของวันนี้ (24 ส.ค. 56) ที่บริเวณสะพานลูกบวบได้มีประชาชน และนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ แห่เดินทางมาเที่ยวชมสะพานอย่างต่อเนื่อง ซึ่งต่างทึ่งในความรักความสามัคคี และแรงศรัทธาของชาวมอญที่ร่วมแรงร่วมใจกันอย่างแข็งขันในการสร้างสะพานแห่ง นี้ นักท่องเที่ยวต่างถ่ายภาพเก็บไว้เป็นที่ระลึก ซึ่งถือเป็นสะพานลูกบวบที่ยาวที่สุดในประเทศไทย ทำให้ในช่วงวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ นี้ มีนักท่องเที่ยวติดต่อจองห้องพักเข้ามาเป็นจำนวนมาก เพื่อมาสัมผัสกับบรรยากาศการเดินบนสะพานลูกบวบ ซึ่งยังเป็นการสร้างรายได้ให้กับมัคคุเทศก์น้อยที่มาคอยให้บริการแนะนำและ เล่าเรื่องราวประวัติความเป็นมาของสะพานอุตตมานุสรณ์ และสะพานลูกบวบแห่งนี้ รวมทั้งสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ใน อ.สังขละบุรี นอกจากนี้นักท่องเที่ยวบางรายถือโอกาสใส่บาตรบนสะพานลูกบวบ ขณะที่พระสงฆ์ใช้สะพานลูกบวบเดินข้ามฝั่งไปรับบินฑบาต เนื่องจากการตักบาตรบนสะพานไม้จะมีเฉพาะในช่วงเทศกาลสำคัญๆ เท่านั้น เช่น สงกรานต์ ปีใหม่ เป็นต้น

นักท่องเที่ยวชาวฝรั่งเศสซึ่งมากันเป็นครอบครัว พ่อ แม่ ลูก กล่าวว่า พวกเขาได้ยินชื่อเสียงของสะพานไม้แห่งนี้มานานแล้ว จึงอยากเดินทางมาเที่ยวชมและสัมผัส แต่รู้สึกเสียดายที่สะพานขาด ทำให้ไม่สามารถเดินเที่ยวชมความงามบนสะพานไม้ได้ แต่เมื่อมาเห็นสะพานลูกบวบที่สร้างขึ้นมาให้ผู้คนใช้เดินสัญจรไป-มา ก็รู้สึกดีที่ได้พบเห็นว่าชาวไทย ชาวมอญ และเจ้าหน้าที่หน่วยงานต่างๆ ต่างร่วมแรงร่วมใจกันสร้างขึ้นมา ซึ่งแสดงให้เห็นถึงน้ำใจของคนไทยที่มีต่อกัน 

สำหรับสะพานอุตตมานุสรณ์ที่ถูกน้ำป่าพัดขาดไป จะดำเริ่มดำเนินการในช่วงหน้าแล้งประมาณเดือนมีนาคม – เมษายน 2557 ซึ่งระดับน้ำลดลงจึงจะสามารถดำเนินการซ่อมแซมได้ ขณะที่ทางจังหวัดกาญจนบุรีได้จัดตั้งกองทุนรับบริจาคเงินเพื่อซ่อมแซมสะพาน ไม้อุตตมานุสรณ์ ให้กลับสู่สภาพเดิม และมีความคงทนแข็งแรง ปัจจุบันทางกองสลากได้มอบเงินให้จำนวน 5 ล้านบาท ธนาคารไทยพาณิชย์ ได้มอบให้จำนวน 2.5 ล้านบาท ส่วนประชาชนทั่วไปได้ร่วมบริจาคจนถึงขณะนี้มียอดเงินทั้งหมดเกือบ 8 ล้านบาทแล้ว ซึ่งเพียงพอต่อการบูรณะซ่อมแซม เนื่องจากมีการประมาณการค่าใช้จ่ายในเบื้องต้นไว้ที่ 5.7 ล้านบาท สำหรับเงินบริจาคที่เหลือจะเก็บเข้ากองทุนดูแลรักษาสะพานอุตตมานุสรณ์ต่อไป

ไร่รักษ์ไม้,มูลไส้เดือน,เกษตรแปรรูป,อุปกรณ์แค้มปิง,อุปกรณ์ป้องกันอุบัติภัย,เอาตัวรอดในภาวะวิกฤต