จากประชาชาติธุรกิจ
โดย นายแพทย์วิชัย เทียนถาวร อดีตปลัดกระทรวงสาธารณสุข
2-3 อาทิตย์ที่ผ่านมาผู้เขียนได้มีโอกาสไป "อีสาน" ลงสนามบิน "ขอนแก่น" รถวิ่งเข้าไปในเมืองผ่านตลาด และสถานีรถ บ.ข.ส.ไปหน่อย เห็นอนุสาวรีย์ยืนตระหง่านในสวนสุขภาพ ท่านคือ "จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์" พลันให้นึกถึงคุณูปการที่ท่านได้พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของภาคอีสาน ไม่ว่าจะเป็นถนน 4 เลน รวมถึงระบบโครงสร้างพื้นฐาน ระบบน้ำ ไฟฟ้า และการชลประทาน ยังความเจริญมาสู่ชาวอีสานโดยแท้ คำขวัญในขณะที่ท่านเป็นนายกรัฐมนตรีคือ "น้ำไหล ไฟสว่าง ทางดี มีงานทำ" ซึ่งคนรุ่นๆ บวกลบก่อนหน้าหลัง 10 ปี กับผู้เขียนคงคุ้นๆ หู นำมาสู่การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทั่วประเทศอย่างทั่วถึง...
ไป 3 จังหวัดครั้งนี้ มีเป้าหมายคือ ขอนแก่น มหาสารคาม กาฬสินธุ์ 3 วัน 3 จังหวัด ได้รับการต้อนรับด้วยดีจาก นพ.คิมหันต์ ยงรัตนกิจ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดขอนแก่น นพ.สุริยา รัตนปริญญา นายแพย์สาธารณสุขจังหวัดมหาสารคาม และ นพ.พิสิทธิ์ เอื้อวงศ์กูล นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด กาฬสินธุ์ เป็นการติดตามเรื่องเบาหวาน ความดันโลหิตสูง โดยการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ของท่าน นพ.ปรเมษฐ์ กิ่งโก้ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดสกลนคร คุณดวงลภา กุดนอก รพ.สต.โนนหอม อ.เมือง จ.สกลนคร และคุณหมออัครพล คุรุศาสตรา แห่ง รพ.มุกดาหาร
เรื่องการแลกเปลี่ยนเรียนรู้นี้ ผู้เขียนประทับใจกับความตั้งใจของทั้งสามท่านในการดูแลสุขภาพของประชาชนเรื่องเบาหวาน ความดันโลหิตสูง ทั้งในเรื่องของการป้องกันและการรักษา แต่ที่ประทับใจจนอยากจะบอกต่อคือ การรณรงค์ให้ชาวบ้านออกกำลังกาย ฝึกจิตใจด้วยการปฏิบัติธรรม และรณรงค์ให้คนในหมู่บ้านกิน "ผัก" เป็นหลัก ด้วยการใช้กระบวนการสื่อสารตามทฤษฎี "กระสุนปืน" คือยิงซ้ำๆ บ่อยๆ ใส่สมองคนให้เกิดความ "เชื่อ" ด้วยข้อมูลที่เราต้องการ ซึ่งคุณดวงลภา กุดนอก เธอใช้ทฤษฎีนี้จนประสบความสำเร็จ ด้วยการ "แจกผัก" ให้ชาวบ้านเป็นรางวัล แจกจริงให้จริง ทุกๆ ครั้งที่มีกิจกรรม ไม่ว่าจะประกวดแข่งขันอะไร รางวัลที่ให้สำหรับผู้ชนะเลิศและผู้เข้าร่วมกิจกรรมต้องเป็น "ผัก" เท่านั้น
ผู้เขียน "ทึ่ง" และ "ประทับใจ" ได้สอบถามแนวคิดและที่มา เธอบอกว่าการทำงานด้านสุขภาพ โดยเฉพาะการปลูกฝังแนวคิดชาวบ้านต้องไม่แยกส่วน ยิ่งเรื่อง 3อ. 2ส. ต้องให้เป็นเนื้อเดียวกัน เธอเริ่มต้นด้วย อ.ออกกำลังกาย คือการรณรงค์ให้ชาวบ้านออกมาวิ่ง ซึ่งในการวิ่งจะได้ทั้งเรื่องอารมณ์ และเมื่อวิ่งเสร็จรางวัลที่ให้ก็จะเป็นผักเท่านั้น ทั้งประเภทผักพร้อมกินและพันธุ์ผักที่สามารถนำไปปลูกกินเองได้ และคนออกกำลังกายก็จะไม่เสียเวลาไปกับการดื่มเหล้า สูบบุหรี่ สรุปแล้วครบถ้วนทุก อ.จริงๆ
เมื่อฟังแนวคิดแจกผักของคุณดวงลภา ผู้เขียนก็นึกถึงว่า สัตว์หลายประเภทที่กินผักล้วนมีอายุยืนยาว เลยลองตั้งคำถามกับผู้ร่วมประชุมซึ่งเป็นหมออนามัยกว่า 300 ชีวิตว่า...
เต่ากินอะไร?...ทุกคนตอบว่า "ผักบุ้ง" ถามว่า เต่าอายุยืนกี่ปี? ทุกคนตอบว่า 100 ปี หรือมากกว่าร้อยปี
ช้างกินอะไร?...คำตอบที่ได้คือ "กินอ้อย กินกล้วย" ถามต่อว่า "มันตัวใหญ่ แข็งแรงดีไหม แรงเยอะไหม?" ทุกคนตอบว่า...เยอะ
ม้ากินอะไร?...ทุกคนตอบว่า "กินหญ้า"...แข็งแรงวิ่งเร็วดีไหม ทุกคนตอบว่า วิ่งแข่งเร็ว แข็งแรงมากๆ ใช่ไหม? ทุกคนตอบว่า...ใช่
ยีราฟกินอะไร?...สูงไหม?...สูงค่ะ
มาถึงคำถามสำคัญ "คน"...กินอะไร? ทุกคนตอบพร้อมเพรียงว่า "ทุกอย่าง" ถามต่อว่า อายุยืนไหม? แข็งแรงไหม? ตัวใหญ่ไหม?...คำตอบคือเสียงหัวเราะครืนลั่นห้อง
ผักเป็นพืชที่มีคุณค่าทางอาหารสูง โดยเฉพาะในแง่ของวิตามินและเกลือแร่ ที่จำเป็นต่อโภชนาการ (Nutrition) ของมนุษย์ การเลือกบริโภคผัก ที่มีคุณค่าทางอาหารสูงเป็นประจำ ร่างกายจะได้รับวิตามิน และเกลือแร่พอเพียง
"ผัก" นอกจากจะให้อาหารประเภทโปรตีนที่ให้ความเจริญเติบโต ซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอให้พลังงาน และความอบอุ่นต่อร่างกาย ให้วิตามินและเกลือแร่ที่เสริมสร้างให้ร่างกายแข็งแรง ปราศจากโรคภัยไข้เจ็บแล้ว ผักยังมีปริมาณน้ำสูงมีเซลลูโลส (Cellulose) หรือกากอาหาร (fiber) ซึ่งสารนี้ช่วยเสริมกิจกรรมการย่อยอาหารและขับถ่ายของร่างกายให้เป็นปกติ ยิ่งไปกว่านั้นผักบางชนิด เช่น พริก ความเผ็ดของพริกยังใช้เป็นเครื่องชูรส และเครื่องกระตุ้นให้เรารับประทานอาหารได้เอร็ดอร่อยขึ้น ผักหลายชนิดใช้สกัดทำสีย้อมอาหารให้น่ารับประทานขึ้น และไม่เป็นพิษเป็นภัยต่อร่างกาย เช่น ดอกอัญชันใช้สกัดสีม่วง ใบเตย ใช้สกัดสีเขียวใบไม้ เป็นต้น
"ผักครึ่ง...อย่างอื่นครึ่ง...คืออะไร?" "ผัก" ในที่นี้หมายถึง พืชชนิดต่างๆ ที่ไว้ทำเป็นอาหาร ซึ่งอาจจะเป็นใบ ลำต้น ดอก ผล หรือราก นอกจากนี้ยังหมายถึง เห็ด สาหร่าย และผลไม้ชนิดต่างๆ "อย่างอื่น" ในที่นี้หมายถึง ส่วนที่เป็นอาหารพวกแป้งเป็นหลัก ได้แก่ ข้าว ถั่ว งา เผือก มัน และรวมถึงเนื้อสัตว์ และไขมันเพียงเล็กน้อย
หลักการ...กินผักและผลไม้ให้ได้ครึ่งหนึ่งของปริมาณอาหารในแต่ละมื้อ หรือประมาณกิโลกรัม/วัน เป็นประจำจะช่วยลดความดัน เบาหวาน...ที่สำคัญคือ... "มะเร็ง" ได้ด้วย
สงสัยว่า ทำไมต้องกินผักครึ่ง...อย่างอื่นครึ่ง..?? ที่กิน
กินเพราะ...มะเร็งเป็นสาเหตุการตายเป็นอันดับหนึ่ง
กินเพราะ...หนึ่งในสามของคนเป็นมะเร็ง มีสาเหตุมาจากอาหาร
กินเพราะ...ในผัก ผลไม้ มีวิตามิน เกลือแร่ กากใย หน้าที่ของวิตามินเกลือแร่ คือทำให้ระบบต่างๆ ในร่างกายเกิด "สมดุล" ทำให้การควบคุมการทำงานของอวัยวะเป็นไปอย่างถูกต้องสมบูรณ์ ช่วยให้ร่างกายแข็งแรง วิตามินบีช่วยบำรุงระบบประสาทรับรู้ ทำให้ความจำดีขึ้น วิตามินซี อี เบต้าแคโรทีน มี "สารต้านมะเร็ง" ที่สำคัญช่วยสร้างภูมิต้านทานโรค และป้องกันเชื้อโรคเข้าสู่เซลล์ เกลือแร่ที่สำคัญ ได้แก่ สังกะสี และซิลิเนียม ช่วยต้าน "อนุมูลอิสระ" ป้องกันมะเร็งได้
กินเพราะ...ผัก ผลไม้ มีกากใย ซึ่งจะดูดซึมสารพิษ หรือสารอาหารที่เป็นส่วนเกิน ได้แก่ ไขมัน น้ำตาล ทำให้ลำไส้ไม่มีสิ่งหมักหมม ช่วยลดมะเร็งลำไส้ โรคหัวใจและหลอดเลือด รวมทั้งโรคเบาหวาน ความดันด้วย
กินเพราะ...ผัก ผลไม้ มีน้ำเป็นองค์ประกอบสำคัญ ประมาณ 70-80% และเป็นน้ำที่ไม่มีสารพิษ หรือมีแต่น้อยมาก ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อร่างกาย
กินเพราะ...ถ้าไม่เน้นผักครึ่งหนึ่งของปริมาณอาหารในแต่ละวัน คุณก็จะหลงไปทานแต่แป้ง น้ำตาล ไขมัน และเนื้อสัตว์ แล้วทานผัก "นิดเดียว" หรือ "ไม่ทาน" เลย
กินเพราะ...วันนี้ คุณควรจะรู้ว่า "ผักต้านมะเร็ง" คือ ใบเขียว ผักที่มีสีเข้ม ส้ม แดง ผักตระกูลกะหล่ำ ส้ม มะนาว หอม กระเทียม และผลไม้หลากชนิด เพราะ...ผลงานวิจัยทั่วโลกมีมากและน่าเชื่อถือ พอที่จะบอกคนว่า "อภินิหารต้านมะเร็ง" จากพืชผักผลไม้ นอกจากมีเส้นใยอาหารแล้ว ยังประกอบไปด้วย "สารต้านมะเร็งอีกมากมาย" หลายชนิดที่ให้ประโยชน์แก่ร่างกาย เส้นใยอาหาร โดยทั่วไปหมายถึงสารจากพืชที่ไม่ย่อยสลายด้วยเอนไซม์ในทางเดินอาหารของ "คน"
"อาหารดี" ประกอบไปด้วย พืช ผัก ผลไม้ ธัญพืช เครื่องเทศ เห็ด และใบชา เป็นแหล่งให้สารอาหารต้านมะเร็งที่สำคัญเพราะมีใยอาหาร มีสารเบต้าแคโรทีน วิตามินเอ ซี อี และสารพวก Phytochemical/phytonutrient มากมาย ออกฤทธิ์เป็นสารแอนตี้ออกซิแดนท์ และออกฤทธิ์ผ่านขบวนการต่างๆ ทำให้สามารถยับยั้งการเกิดมะเร็งและเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็ง จัดแบ่งเป็นกลุ่มได้ดังนี้
สารคลอโรฟิลล์พบในพืชใบเขียว เช่น คะน้า กะหล่ำ ผักใบเขียว บร็อกโคลี ผักกาดขาว และสาหร่าย
สารแคโรทีนอยด์ พบในพืชที่มีสีส้ม-เหลือง แดง-ส้ม เช่น แครอท ฟักทอง มะเขือเทศ มะนาว และผักใบเขียว
สารแอนโทไซยานิติน พบในพืชสีน้ำเงิน ม่วงแดง เช่น หัวบีท เชอรี่ องุ่น และกะหล่ำม่วง
สารเหล่านี้มีคุณสมบัติป้องกันมะเร็งได้คือ ต้านอนุมูลอิสระ ดูดซับสารพิษ ต้านการอักเสบและเพิ่มระบบภูมิคุ้มกัน ป้องกันเซลล์จากรังสียูวี ช่วยการไหลเวียนโลหิต และลดคอเลสเตอรอลได้อย่างดี
ที่ลืมไม่ได้ต้องบอกสู่กันฉันมิตรในฐานะ "คนบ้านนอก" รุ่นปู่ ย่า ตา ยาย ท่านมีอายุยืนก็เพราะกินอยู่แบบบ้านๆ ทั้ง ผักพื้นบ้าน อาหารริมรั้ว เช่น ตำลึง กระถิน มะระ กระเพรา ตะไคร้ มะละกอ กล้วย ฟักทอง ขี้เหล็ก มะขาม เป็นทั้ง "อาหารและยา" เรียกว่า "ทูอินวัน" เลยทีเดียว นอกจากต้านมะเร็งให้ภูมิคุ้มกันโรคแล้ว ยังลดเสี่ยงต่อการเกิดโรคอ้วน เบาหวาน ความดัน โรคหัวใจ สมอง และไขมันในเลือดสูง หลักการสำคัญในการรับประทาน ควรมี "ความหลากหลาย" ช่วยสร้าง "สมดุล" สารอาหาร และแร่ธาตุที่ร่างกายต้องการ ปริมาณอาหารพอดีๆ เน้นความสะอาดเป็นหลัก มีคุณภาพและปลอดสารพิษ
ผู้เขียนอยากบอกว่า จงดู "เต่า ช้าง ม้า ยีราฟ" เป็นต้น และ "สุนัข แมว" ยามป่วยแกกิน "หญ้า" รักษาโรคนะ และจงช่วยกันจำนะว่า "You are what you eat" คุณเป็นอย่างไรก็อยู่ที่คุณกิน
แฮ่ม! แต่ห้ามลืมนะครับว่า กินผักผลไม้ต้องเลือกกินที่สะอาดจะได้ครบสูตรทั้งสุขภาพดี และมีความปลอดภัยจากสารเคมีนะครับ
ที่มา : นสพ.มติชน
ไร่รักษ์ไม้,มูลไส้เดือน,ปุ๋ยมูลไส้เดือน,เกษตรแปรรูป,อุปกรณ์แค้มปิง,อุปกรณ์ป้องกันอุบัติภัย,เอาตัวรอดในภาวะวิกฤต