จาก ASTVผู้จัดการออนไลน์
โดย : ปิ่น บุตรี(pinn109@hotmail.com) | ||||
ปี 2546 เกาะพระทองได้รับการคัดเลือกจากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.)ให้เป็น “อันซีนไทยแลนด์” ส่งผลให้เกาะแห่งนี้โด่งดังเพียงชั่วข้ามคืน โดยเฉพาะกับทุ่งหญ้าสีทองอันงดงามบนเกาะที่ได้รับฉายาว่า “สะวันนาเมืองไทย” นั้นถือเป็นแม่เหล็กดึงดูดนักท่องเที่ยวอย่างดีให้เดินทางมาสัมผัสกับ ธรรมชาติอันพิสุทธิ์บนหมู่เกาะแห่งนี้ จนหลายคนอดหวั่นไม่ได้ว่าชื่อเสียง ความโด่งดังที่มาเร็วเกินไป อาจจะทำให้เกาะพระทองต้องเสียศูนย์ในอนาคตอันไม่ไกล |
||||
หลังเหตุการณ์สึนามิถล่มปี 47 เกาะพระทองที่กำลังมาแรงทางการท่องเที่ยว สะดุดล้มโครม มาจนถึงวันนี้สภาพการณ์ทางการท่องเที่ยวบนเกาะพระทอง(ในสายตาของคนทำธุรกิจ ท่องเที่ยวและหน่วยงายที่ดูแลด้านการท่องเที่ยว) ยังไม่ฟื้น แต่ธรรมชาติบนเกาะพระทองนั้นฟื้นนานแล้ว ซึ่งนี่ถือเป็นเสน่ห์สำคัญให้ผมเดินทางกลับมาเยือนเกาะพระทองอีกครั้ง |
||||
เกาะพระทอง ตั้งอยู่ใน อ.คุระบุรี จ.พังงา มีพื้นที่ 102 ตารางกิโลเมตร(ข้อมูลจาก อบต.เกาะพระทอง) เป็นเกาะที่ใหญ่ที่สุดในพังงาและใหญ่เป็นอันดับ 5 ของเมืองไทย เกาะพระทองเกิดจากซากปะการังทับถมกันมายาวนานนับล้านๆปี จนเกิดเป็นเกาะที่มีสภาพภูมิประเทศที่แปลกตา คือมีลักษณะค่อนข้างแบนราบ กลายเป็นลักษณะเฉพาะตัวอันโดดเด่นของเกาะแห่งนี้ แม้พื้นดินบนเกาะพระทองส่วนใหญ่จะเป็นดินปนทรายไม่เหมาะต่อการเพาะ ปลูก อันเนื่องมาจากสภาพธรรมชาติและเคยผ่านการทำเหมืองแร่มาก่อน ทำให้ที่นี่มีพืชเศรษฐกิจหลักเพียงมะม่วงหิมพานต์(กาหยี) กับมะพร้าว แต่เกาะพระทองกลับเป็นเกาะที่มีความหลากหลายทางชีวภาพมาก บนเกาะมีทั้งชายหาด ป่าชายหาด ป่าชายเลน ป่าพรุ ป่าเสม็ด ทุ่งหญ้า ไม้พุ่ม พืชสังคมทดแทน กล้วยไม้หายาก |
||||
บนเกาะพระทองยังมากไปด้วยสัตว์นานาพันธุ์ โดยที่ถือเป็นไฮไลท์ก็คือ “กวางม้า” หรือ กวางป่าตัวโต ที่ปัจจุบันต้องช่วยกันอนุรักษ์ดูแลให้ดี เพราะกวางป่าที่นี่ถูกหมาเลี้ยง หมาบ้าน ที่เริ่มเปลี่ยนวิถีกลายเป็นหมาป่าไล่ล่า เนื่องจากเจ้าของหมาพวกนี้ส่วนหนึ่งเสียชีวิตจากเหตุการณ์สึนามิ อีกส่วนหนึ่งอพยพไปอยู่บนฝั่ง ปล่อยทิ้งพวกมันให้หากินตามยถากรรม ส่วนอีกหนึ่งผู้ล่ากวางที่สำคัญนั้นย่อมหนีไม่พ้น “คน” ที่มีทั้งคนนอกคนใน ซึ่งชาวบ้านในพื้นที่กลุ่มหนึ่งได้ตั้งกลุ่มอนุรักษ์กวางขึ้นมา คอยดูแลไม่ให้ทั้งหมาทั้งคนไล่ล่า และร่วมอยู่กับกวางอย่างเป็นมิตร |
||||
|
||||
แม้จะเป็นเกาะขนาดใหญ่ แต่บนเกาะพระทองมีแค่ 3 หมู่บ้าน คือบ้านปากจก บ้านทุ่งดาบ และบ้านแป๊ะโย้ย เดิมที่เกาะเคยมีประชากรอาศัยอยู่ในหลักหลายร้อย แต่หลังเหตุการณ์สึนามิประชากรหายไปกว่าครึ่ง นั่นจึงทำให้เกาะพระทองวันนี้มีสภาพเงียบเหงาไม่น้อย |
||||
ครั้นเมื่อเดินขึ้นฝั่งเข้าสู่หมู่บ้าน สิ่งหนึ่งที่ดึงดูดใจให้ผมต้องยกกล้องขึ้นมากดชัตเตอร์ไปเสียหลายแชะ นั่นก็คือดอกกล้วยไม้ 5 แฉกสีขาวนวล ใจกลางเป็นส้มสดผมเหลืองที่ปลูกไว้หน้าบ้านลุงคนหนึ่ง “นี่คือกล้วยไม้ดอนมาลี เป็นกล้วยไม้เฉพาะถิ่นของที่นี่” น้องเจี๊ยบ เจ้าพนักงานส่งเสริมการท่องเที่ยวของอบต.เกาะพระทอง เจ้าถิ่นผู้มาเป็นคนต้อนรับขับสู้บอกกับผม ก่อนอธิบายเพิ่มเติมว่า ดอนมาลี เป็นกล้วยไม้สกุลหวาย เกิดจากการผสมสายพันธุ์ระหว่างเอื้องเงินหลวง(หรือโกมาซุม ไม้ประจำจังหวัดระรอง)กับเอื้องปากนกแก้ว |
||||
สักพักเพียงชั่วไม่กี่นาทีผู้ใหญ่ยอดก็มาตามนัดพร้อมกับรถ “อีแต๊ก” คู่ใจ พาเราวิ่งลัดเลาะไปบนเส้นทาง ที่อย่าว่าแต่รถจะสวนกันไม่ได้เคย แค่บังคับรถอีแต๊กคันนี้ไม่ให้ล้อตกถนนนี่ก็ยากลำบากแล้ว |
||||
จากนั้นเมื่อสิ้นสุดเส้นทางถนน ก็เป็นเส้นทางลำลองในผืนป่าเสม็ดอันกว้างใหญ่ กับต้นเสม็ดขาวรูปทรงหยึกหยัก แปลกตา สวยงาม ซึ่งนี่ถือเป็นหนึ่งในไฮไลท์อันโดดเด่นของเกาะพระทองกับป่าเสม็ดนับเกือบ หมื่นไร่ มีหญ้าต้นเตี้ยๆขึ้นแซมเต็มไปทั่วบริเวณ ขณะที่ตามลำต้นเสม็ดหลายๆต้นมีกล้วยไม้ พืชอิงแอบอาศัยต่างๆขึ้นอยู่แบบพึ่งพาอาศัยกัน บนถนนสายนี้หลักๆจะเป็นถนนทรายสีขาวนวล เนื้อละเอียดยิบ แซมด้วยถนนดินบ้างในบางจุด ขณะที่บางช่วงของเส้นทางมีลำคลองทอดยาว |
||||
เมื่อปลาเยอะ นกก็เยอะตาม แต่ในหน้าแล้วอย่างนี้ แม้สายน้ำยังคงเย็นใสไม่แห้งเหือด แต่ปลาแทบไม่ปรากฏให้เห็น ทำให้นกพลอยหายไปด้วย |
||||
พ้นเลยจากป่าเสม็ดไปเป็นทุ่งหญ้ากว้างที่ได้รับการยกย่องให้ เป็นอันซีนไทยแลนด์ ที่คนรู้จักกันดีในนาม“ทุ่งสะวันนาเกาะพระทอง” หรือบางคนก็เรียกว่า “ทุ่งหญ้าซาฟารี” |
||||
หลังสัมผัสความงามของทุ่งหญ้าแห่งนี้จนหนำใจ ผู้ใหญ่ยอดพานั่งรถอีแต๊กต่อไปสู่ฝั่งตะวันตก และจอดส่งเราให้เดินเท้าต่อไปบนหาดทรายอันกว้างไกลสวยงามในบริเวณที่เรียก ว่า “สุดขอบฟ้า” ที่ตั้งชื่อตามรีสอร์ทดั้งเดิมของที่นี่ |
||||
|
||||
พ่อตาหินกองนับเป็นจุดชมพระอาทิตย์ตกที่หาไม่ได้ง่ายๆในเมืองไทย เพราะมีทั้งความงดงามและความศักดิ์สิทธิ์อยู่ในตัว |
||||
และนั่นก็คือบางส่วนของวิถีชีวิตและธรรมชาติอันโดดเด่นบนเกาะพระทอง ซึ่งเดิมนั้นเกาะพระทองมีความพยายามจากภาครัฐจะประกาศให้เป็นอุทยานแห่ง ชาติ(ตั้งแต่เมื่อ 10 กว่าปีที่แล้ว) แต่ถูกต่อต้านจากชาวบ้าน เพราะพวกเขา(ที่อยู่อาศัยมาแต่ดั้งเดิม) กลัวถูกไล่ที่ สูญเสียที่ทำกิน กลัวรัฐนำเอาที่ของชาวบ้านที่ยังไม่มีเอกสารชัดเจนไปขายให้นายทุน สร้างรีสอร์ท ทำธุรกิจ ซึ่งชาวบ้านหลายๆคนต่างพูดในทำนองเดียวกันว่า ด้วยขั้นตอนและกระบวนการที่ไม่โปร่งใสชัดเจน ทำให้พวกเขาไม่ไว้ใจต่อภาครัฐ นั่นจึงทำให้ในวันนี้ทางภาครัฐได้ปรับสถานะใหม่ของเกาะพระทองเป็น “เขตห้ามล่าสัตว์ป่า”(เพิ่งประกาศเมื่อไม่นานมานี้) ซึ่งคงต้องติดตามดูกันต่อไปว่าเหตุการณ์ข้างหน้าจะเป็นอย่างไรต่อไป |
||||
************************************************************* เกาะพระทอง ตั้งอยู่ที่ อ.คุระบุรี จ.พังงา ปัจจุบันบนเกาะยังไม่มีไฟฟ้าใช้ แต่ไฟฟ้ากำลังจะมาในปีหน้า เกาะพระทองเป็นเกาะที่เหมาะแก่การท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ เรียนรู้วิถีชุมชน หรือท่องเที่ยวเชิงจิตอาสา CSR เพราะบนเกาะมีความสงบ มีธรรมชาติที่ยังสมบูรณ์ ไม่ใช่เกาะแห่งแสงสี หรือการท่องเที่ยวแบบสะดวกหรูหรา เพราะการสัญจรบนเกาะ ต้องใช้รถอีแต๊ก รถขับเคลื่อน 4 ล้อ รถจักรยานยนตร์พ่วงข้าง หรือทางเรือ ผู้สนใจข้อมูลท่องเที่ยวเกาะพระทอง เพิ่มเติมสอบถามได้ที่ งานส่งเสริมการท่องเที่ยว อบต.เกาะพระทอง 085-781-7902 สอบถามข้อมูลการท่องเที่ยวโดยชุมชน พักค้างโฮมสเตย์ได้ที่ 080-692-0039 และสามารถสอบถามข้อมูลการท่องเที่ยว ที่พัก ร้านอาหารเชื่อมโยงในจังหวัดพังงาได้ที่ ศูนย์ประสานงานการท่องเที่ยวจังหวัดพังงา การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) โทร.0-7648-1900-2 |
ไร่รักษ์ไม้,มูลไส้เดือน,ปุ๋ยมูลไส้เดือน,เกษตรแปรรูป,อุปกรณ์แค้มปิง,อุปกรณ์ป้องกันอุบัติภัย,เอาตัวรอดในภาวะวิกฤต