จากประชาชาติธุรกิจ
โดย สมปอง แจ่มเกาะ
อีกไม่กี่วันก็จะเข้าช่วงเทศกาลสงกรานต์ วันขึ้นปีใหม่ไทย หลายคนต่างรอคอยที่จะได้กลับไปรวมญาติ รดน้ำขอพรพ่อแม่ญาติผู้ใหญ่ ก็ขออวยพรล่วงหน้าให้มีความสุขกันถ้วนทั่วหน้า และเดินทางโดยสวัสดิภาพทุก ๆ คนก่อนที่จะได้หยุดพักผ่อนอยู่กับครอบครัวยาวๆ
ไม่อยากคุยเรื่องเครียดหนักสมอง จึงขอหลีกหนีเรื่องร้อน ๆมาคุยเรื่อง "ปาล์ม" ดีกว่านะครับ
ปกติ ช่วงเดือนเมษายนผลปาล์มออกน้อยเพราะแล้ง ราคาจึงดี กิโลกรัมละ 3.60-3.80 บาท บางพื้นที่ราคาสูงกว่า 4 บาทด้วยซ้ำ แน่นอนว่าเกษตรกรกินอิ่มนอนหลับ แฮปปี้กันถ้วนหน้า จากนั้นช่วงเดือนพฤษภาคมผลปาล์มก็จะค่อย ๆ ออกมากขึ้น
ถึง วันดีคืนดี ปลายมีนาคมที่ผ่านมา องค์การคลังสินค้า (อคส.) ได้ออกมาประกาศรับซื้อน้ำมันปาล์มดิบตามโครงการแก้ปัญหาน้ำมันปาล์มและราคา ผลปาล์มตกต่ำปี 2555-2556 รอบที่ 2 จำนวน 50,000 ตัน ตามมติคณะกรรมการนโยบายและมาตรการช่วยเหลือเกษตรกร (คชก.) เมื่อ 14 มกราคม 2556 และเปิดให้โรงสกัดน้ำมันปาล์มที่ต้องการจะเข้าร่วมโครงการเข้าไปทำสัญญา
ผมจำได้ก่อนหน้านี้สักประมาณ 2 สัปดาห์ นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนว่า คณะอนุกรรมการเพื่อบริหารจัดการปาล์มน้ำมันและน้ำมันปาล์ม มีมติให้ชะลอการรับซื้อน้ำมันปาล์มดิบจากโรงสกัด รอบ 2 จำนวน 50,000 ตัน รวมวงเงิน 1,380 ล้านบาท เพราะช่วงนั้นราคาผลปาล์มสดในตลาดราคาพุ่งขึ้นไปถึงกิโลกรัมละ 4.10-4.30 บาท
แน่นอนว่าการประกาศรับซื้อน้ำมันปาล์ม รอบ 2 ดังกล่าว ทำให้คนในแวดวงออกอาการงงไปตาม ๆ กัน เพราะเป็นที่รับรู้กันว่า น้ำมันปาล์มดิบ 50,000 ตันที่กระทรวงพาณิชย์ใช้เงินกว่า 1,337 ล้านบาท เข้าแทรกแซงครั้งแรกตั้งแต่เมื่อช่วงปลายปีที่ผ่านมา จนถึงวันนี้ก็ยังกองอยู่ในสต๊อกอย่างครบถ้วน ยังไม่ได้นำไปผลิตเป็นไบโอดีเซล ยังไม่ได้นำไปบรรจุขวดขาย ยิ่งนานวันค่าฝากค่าเก็บรักษาก็ยิ่งพอกพูน ของเดิมยังเคลียร์ไม่ได้ ทำไมจะต้องรับซื้อรอบใหม่อีก
ขณะเดียวกัน ก็มีปรากฏการณ์แปลก ๆ เกิดขึ้น กลางสัปดาห์ที่ผ่านมา (1-5 เมษายน) โรงสกัดหลายแห่งในจังหวัดชุมพรไม่รับซื้อผลปาล์มจากชาวสวน ผลที่ตามมาก็คือ ผลปาล์มราคาร่วงลงมาอยู่ที่ 3.20 บาท และปรากฏการณ์นี้ก็ยังลามไปถึงสุราษฎร์ธานี ราคาร่วงลงมาอยู่ที่ 3.40 บาท ขณะที่ กระบี่ ตกมาอยู่ที่ 3.70 บาท ไม่รู้ว่าเกม "กดราคา" ดังกล่าวจะลามไปยังจังหวัดอื่น ๆ หรือไม่ หากโรงสกัดไม่รับซื้อ ราคาปาล์มดิบก็จะร่วงลงไปอีก เมื่อถึงจุดหนึ่งก็จะเกิดภาพของการชุมนุมประท้วงเรียกร้องให้รัฐเข้ามาแทรก แซงหรือรับประกันอีกครั้ง
ไม่อยากคิดว่า นี่เป็นการทำกันเป็นขบวนการ โดยมีเป้าหมายอยู่ที่การสูบงบฯจากการรับซื้อรอบใหม่ แต่ก็อดไม่ได้ครับ นอกจากนี้ ตารางการจัดสรรปริมาณการจำหน่ายน้ำมันปาล์มรอบใหม่นี้ ยังมีสิ่งที่ชวนสงสัย เพราะมีรายชื่อโรงสกัดที่ไม่เคยเข้าร่วมโครงการครั้งแรกโผล่เข้ามาหลายราย และแต่ละรายก็ได้รับโควตาจำนวนมาก ขณะที่รายเดิมที่เคยร่วมโครงการชื่อกลับหายไป
จริงอยู่ แม้ว่าตามกรอบมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อ 25 ธันวาคมที่ผ่านมา จะมีระยะเวลาการดำเนินงานได้จนถึงพฤษภาคม 2556 แต่ในเมื่อราคาปาล์มไม่ได้ตกต่ำ จึงเกิดคำถามขึ้นว่า มีความจำเป็นมากน้อยแค่ไหนที่จะต้องควักเงินอีกกว่า 1,380 ล้านบาทมาใช้เพื่อการนี้อีก และหลาย ๆ ฝ่ายยังตั้งข้อสังเกตว่า เกษตรกรจะได้ประโยชน์จริงหรือไม่ และมากน้อยแค่ไหน หรือหลังจากซื้อน้ำมันปาล์มดิบเข้ามาเพิ่มอีก 50,000 ตัน สต๊อกน้ำมันดิบที่มีมากอยู่แล้วก็จะมีเพิ่มมากขึ้นไปอีก แล้วรัฐบาลจะจัดการหรือแก้ไขปัญหานี้อย่างไร จะส่งออกก็คงยาก เพราะตอนนี้ราคาส่งออกของมาเลเซีย-อินโดนีเซีย อยู่ที่กิโลกรัมละ 22 บาท แต่บ้านเรารับซื้อที่ราคาถึง 25 บาท หากจะขายหรือส่งออกขาดทุนแน่ๆ
สรุปแล้วผมเสียดายงบประมาณแผ่นดินที่จะถูกนำมาละเลงโดยไม่จำเป็นครับ
ไร่รักษ์ไม้,มูลไส้เดือน,เกษตรแปรรูป,อุปกรณ์แค้มปิง,อุปกรณ์ป้องกันอุบัติภัย,เอาตัวรอดในภาวะวิกฤต