จาก กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
พาณิชย์ฯ เผยไทยลงนามเอ็มโอยูขายข้าวให้จีน แบบไม่ระบุปริมาณ-เวลาส่งมอบ อ้างจะได้ไม่ผูกมัดคนทำงาน ถ้าจีนซื้อน้อยกว่าปริมาณที่ระบุไว้
นายทิฆัมพร นาทวรทัต รองอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ ในฐานะโฆษกข้าวประจำกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยถึงการลงนามความร่วมมือบันทึกความเข้าใจ (เอ็มโอยู) ว่าด้วยความร่วมมือในการซื้อขายข้าว ระหว่างนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รมว.พาณิชย์ และนายเฉิน เตอ หมิง รมต.การค้าของจีน โดยมีนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีเป็นสักขีพยานว่า ถือเป็นการทำเอ็มโอยู ร่วมกันเป็นครั้งแรกแม้ไทยและจีนจะค้าขายข้าวมานานแล้ว โดยในเอ็มโอยูดังกล่าว ไม่ได้กำหนดทั้งปริมาณและช่วงเวลาในการส่งมอบข้าวให้กับรัฐบาลจีน เพื่อความสบายใจของทั้ง 2 ประเทศ แต่ระบุเพียงว่าจีนจะนำเข้าข้าวจากไทยให้มากที่สุดผ่านความร่วมมือในทุกด้าน ทั้งจากภาครัฐ และเอกชน ขณะที่ไทยจะส่งออกข้าวคุณภาพดีให้กับจีน
"สาเหตุที่ไม่ระบุปริมาณและระยะเวลาส่งมอบ ก็เพื่อความสบายใจของทั้ง 2 ฝ่าย เพราะการระบุปริมาณ อาจเป็นการมัดคอคนทำงาน เนื่องจากจีนอาจซื้อข้าวจากไทยต่ำกว่าปริมาณที่ระบุไว้ หรืออาจทำให้ประเทศผู้ส่งออกอื่นกล่าวหาได้ว่า ทำไมไม่ซื้อจากเขาบ้าง และไม่ต้องกังวลว่า เมื่อไม่กำหนดปริมาณแล้ว จีนจะไม่นำเข้า เพราะเอ็มโอยู เป็นการลงนามโดยรมต.ของทั้ง 2 ประเทศ โดยมีนายกรัฐมนตรีทั้ง 2 ประเทศเป็นพยาน ก็เหมือนเป็นสัญญาสุภาพบุรุษ ที่จีนจะต้องซื้อข้าวจากไทยอยู่แล้ว อีกทั้ง 2 ประเทศมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันมายาวนานแล้ว" นายทิฆัมพร
โดยหลังจากนี้ทางกรมจะมีการจัดคณะไปจีนเพื่อเจรจาซื้อขขายข้าวอย่างเป็นรูปธรรมมากขึ้น เพื่อจะได้ตกลงปริมาณ ราคาให้ชัดเจน
ทั้งนี้ ในแต่ละปีจีนมีความต้องการนำเข้าจากทั่วโลก 1.5-2 ล้านตัน และในปีที่ผ่านมา จีนนำเข้าข้าวจากไทย 320,000 ตัน เป็นข้าวหอมมะลิ 50% ข้าวขาว 25% ข้าวปทุมธานี 8% ข้าวเหนียว 16% และที่เหลือเป็นข้าวชนิดอื่นๆ แต่เมื่อทำเอ็มโอยูแล้ว จีนจะซื้อจากไทยเพิ่มขึ้นแน่นอน เพราะมีความต้องการจะซื้อข้าวจากไทยอยู่แล้ว ทั้งเพื่อบริโภคในประเทศ และเพื่อส่งไปช่วยเหลือประเทศที่ 3 เช่น ประเทศในทวีปแอฟริกา ซึ่งก่อนหน้านี้ จีนเคยซื้อข้าวจากไทยเพื่อส่งต่อไปช่วยเหลือคิวบามาแล้ว แต่คงไม่สามารถระบุปริมาณที่แน่ชัดได้ สำหรับปริมาณที่จีนจะซื้อจากไทยครั้งนี้ จะเพิ่มเติมจากที่ได้ทำสัญญาซื้อขายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) ที่ไทยทำสัญญาไปแล้วในปีนี้ปริมาณ 7.32 ล้านตัน ภายใต้ 6 สัญญา กับ 4 ประเทศ คือ จีน อินโดนีเซีย โกตดิวัวร์ และบังคลาเทศ
อย่างไรก็ตาม นอกจากการลงนามเอ็มโอยูซื้อขายข้าวระหว่างรัฐต่อรับแล้ว ยังมีการลงนามสัญญาซื้อขายข้าวระหว่างภาคเอกชนของไทย 4 ราย และรัฐวิสาหกิจและเอกชนของจีน 6 ราย จำนวน 8 สัญญา โดยเป็นสัญญานำเข้าข้าวจากไทย 3 ชนิด รวม 300,000 ตัน ได้แก่ ข้าวหอมมะลิ ข้าวขาว และข้าวเหนียว ราคาเฉลี่ยข้าวทั้ง 3 ชนิดตันละ 800 เหรียญสหรัฐฯ มูลค่ารวม 240 ล้านเหรียญฯ หรือประมาณ 7,200 ล้านบาท
นายทิฆัมพร กล่าวต่อถึง ความคืบหน้าการขายข้าวจีทูจี ปริมาณ 7.32 ล้านตันว่า ล่าสุด รัฐบาลไทยส่งมอบให้รัฐบาลผู้ซื้อแล้ว 1.7 ล้านตัน มีเงินส่งคืนให้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) แล้วประมาณ 56,000 ล้านบาท คาดว่าจนถึงสิ้นปีนี้ จะสามารถส่งมอบได้เพิ่มขึ้นเป็นประมาณ 1.8 ล้านบาท และมีเงินคืนธ.ก.ส.ประมาณ 70,000. ล้านบาทตามแผนที่วางไว้ นอกจากนี้ ยังอยู่ระหว่างการเจรจาขายจีทูจีกับอีกหลายประเทศ ทำให้คาดว่า การส่งออกข้าวไทยในปีนี้ ทั้งแบบจีทูจีและของเอกชนจะมีปริมาณ 7.3 ล้านตัน ราคาเฉลี่ยตันละ 680 เหรียญฯ รวมเป็นเงินราว5,000 ล้านเหรียญฯ หรือราว 150,000 ล้านบาท ส่วนตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.-19พ.ย.55 ส่งออกแล้ว 6.17 ล้านตัน ลดลง 35% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน มูลค่า 4,202 ล้านเหรียญฯ ลดลง 23% แต่ราคาเฉลี่ยในปีนี้สูงกว่าปีก่อน 19%
ไร่รักษ์ไม้,มูลไส้เดือน,เกษตรแปรรูป,อุปกรณ์แค้มปิง,อุปกรณ์ป้องกันอุบัติภัย,เอาตัวรอดในภาวะวิกฤต