กรีนพีซเผยพบสารเคมีเสื้อในผ้าแฟชั่นแบรนด์
จาก โพสต์ทูเดย์
กรีนพีซสากลเผยรายงานพบสารเคมีอันตรายรบกวนฮอร์โมนและสารก่อมะเร็งในผลิตภัณฑ์เสื้อผ้าแฟชั่นแบรนด์ระดับโลก
รายงานกรีนพีซสากล “สารพิษในเส้นใย:แฟชั่นระดับโลกและการผลิต” ได้เปิดเผยผลวิเคราะห์ตัวอย่างเสื้อผ้าจำนวน 141 ชิ้นที่วางจำหน่ายใน 29 ประเทศ และซึ่งผลิตจากโรงงานจากไม่น้อยกว่า 18 ประเทศ รวมถึงประเทศไทย เพื่อแสดงถึงความเชื่อมโยงระหว่างอุตสาหกรรมฟอกย้อมและสิ่งทอที่มีการใช้สาร เคมีอันตรายในกระบวนการผลิตและซึ่งตกค้างในผลิตภัณฑ์
ยี ฟาง ลี่ ผู้ประสานงานด้านสารพิษ กรีนพีซ เอเชียตะวันออก กล่าวว่า ผลิตภัณฑ์เสื้อผ้าแบรนด์ต่างๆ ได้ทำให้ผู้บริโภคกลายเป็นเหยื่อมลพิษจากการจำหน่ายเสื้อผ้าที่ปนเปื้อนสาร เคมีอันตราย การปล่อยน้ำเสียจากโรงงานฟอกย้อมที่มีอยู่ทั่วโลกจากการผลิต และผู้บริโภคต้องกลายเป็นผู้ก่อมลพิษโดยไม่รู้ตัวจากการซักล้างเสื้อที่มี สารเคมีอันตราย
จากการตรวจวิเคราะห์หาสารเคมีในตัวอย่างผลิตภัณฑ์เสื้อผ้า พบสารกลุ่มโนนิลฟีนอลอีทอกซิเลท (NFEs) ในปริมาณสูงกว่า 1,000 ppm ซึ่งจะแตกตัวเป็นสารรบกวนฮอร์โมน ในผลิตภัณฑ์เสื้อผ้าซาร่า มีเทอร์สบอนเว (Metersbonwe) ลีวายส์ (Levi’s) ซีแอนด์เอ (C&A) แมงโก้ (Mango)เคลวิน ไคลน์ (Calvin Klein) แจ็ค แอนด์ โจนส์ (Jack & Jones) และ มาร์ค แอนด์ สเปนเซอร์ (Marks & Spencer) นอกจากนี้ยังมีการพบสารกลุ่มกลุ่มพทาเลท (phthalates) ในปริมาณเข้มข้นสูงจาก 4 ผลิตภัณฑ์ตัวอย่าง และยังตรวจพบสารเอมีน (amines) ซึ่งมาจากการใช้สีฟอกย้อมเอโซ (azo dyes)3 จาก 2 ตัวอย่างจากผลิตภัณฑ์ ซาร่าอีกด้วย นอกจากนี้ยังพบสารเคมีอันตรายอื่นๆ ในอีกหลายตัวอย่าง
“สารพิษที่พบจากตัวอย่างผลิตภัณฑ์จากซาร่านั้น เป็นสารที่จะแตกตัวกลายเป็นสารรบกวนฮอร์โมนและสารก่อมะเร็ง ซึ่งเป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้สำหรับผู้บริโภคและประชาชนที่อาศัยอยู่บริเวณ ใกล้โรงงานที่ผลิตเสื้อผ้า ซาร่าจะทำให้มั่นใจได้อย่างไรว่าจะไม่มีการปนเปื้อนสารพิษในผลิตภัณฑ์ที่ ถูกวางจำหน่าย ดังนั้นในฐานะที่ซาร่าเป็นผู้ค้าปลีกเสื้อผ้ารายใหญ่ที่สุดในโลก ซาร่าจะต้องเป็นผู้นำที่มีความมุ่งมั่นและโปร่งใสในการขจัดสารพิษออกจาก เสื้อผ้าและออกจากห่วงโซ่การผลิตทั้งหมดอย่างเร่งด่วน” มาร์ติน ฮอส์ซิก ผู้ประสานงานด้านสารพิษ กรีนพีชสากล กล่าว
ผลิตภัณฑ์เสื้อผ้าที่ถูกทดสอบนั้นส่วนใหญ่มีการผลิตจากโรงงานในซีกโลกใต้ รวมถึงกางเกงยีนส์ กางเกงขาสั้น เสื้อเชิ๊ต กระโปรง ชุดชั้นในสำหรับผู้ชาย ผู้หญิงและเด็ก ทั้งที่ผลิตจากเส้นใยธรรมชาติและเส้นใยสังเคราะห์ ซึ่งพบสารเคมีอันตรายตกค้างจากกระบวนการผลิตอยู่ในผลิตภัณฑ์
“ประเทศไทยก็เป็นหนึ่งในแหล่งผลิตเสื้อผ้าแบรนด์ชั้นนำของโลกและเป็นตลาด เสื้อผ้าแบรนด์แฟชั่นที่มีการเติบโตสูง ปัจจุบันมีการผลิตเสื้อผ้ากว่า 80,000 ล้านชิ้นทั่วโลกต่อปี หรือเท่ากับเสื้อผ้า11ชิ้นต่อประชากร1คน4 ซึ่งหมายถึงสารเคมีอันตรายปริมาณมหาศาลถูกใช้และปลดปล่อยสู่สิ่งแวดล้อม โดยที่อุตสาหกรรมฟอกย้อมและสิ่งทอยังคงใช้แหล่งน้ำสาธารณะของพวกเราเป็นท่อ ระบายน้ำส่วนบุคคล ซึ่งแฟชั่นนั้นไม่ควรที่จะต้องก่อมลพิษให้แก่โลก เสื้อผ้าของเราไม่ควรจะต้องผลิตจากสารเคมีอันตราย”พลาย ภิรมย์ ผู้จัดการฝ่ายรณรงค์ประจำประเทศไทย กรีนพีซ เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ กล่าว
กรี นพีชเรียกร้องให้ผลิตภัณฑ์เสื้อผ้าแบรนด์อื่นๆเข้าร่วมโครงการ “ล้างสารพิษ (Detox)” โดยจะต้องแสดงเจตจำนงค์อย่างน่าเชื่อถือในการบรรลุเป้าหมาย “การปล่อยมลพิษเป็นศูนย์” ให้ได้ภายในปีพ.ศ. 2563 เช่นเดียวกับที่ เฮชแอนด์เอ็ม (H&M) และ มาร์ค แอนด์ สเปนเซอร์ (M&S) ได้ให้คำมั่นที่จะทำแล้ว นอกจากนี้บริษัทจะต้องกำหนดให้โรงงานผลิตมีการเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับชนิด และปริมาณการปลดปล่อยสารเคมีอันตรายจากโรงงานสู่ชุมชนและแหล่งน้ำ
วันที่ 20 พ.ย. รายงานจากกรุงปักกิ่ง กรีนพีซสากล ได้เปิดเผยรายงานล่าสุด อ้างพบสารเคมีอันตรายรบกวนฮอร์โมนและสารก่อมะเร็งในผลิตภัณฑ์เสื้อผ้าแฟชั่นแบรนด์ระดับโลก ซึ่งจะก่อผลกระทบเมื่อปนเปื้อนสู่สิ่งแวดล้อม ผลการศึกษาของกรีนพีซนี้ ได้ตรวจพบสารเคมีอันตรายในเสื้อผ้าจาก 20 แบรนด์เสื้อผ้าแฟชั่นชั้นนำ โดยในรายงานอ้างว่า ซาร่า(Zara) เป็นแบรนด์เสื้อผ้าที่พบสารเคมีอันตรายทั้งชนิดรบกวนฮอร์โมนและสารก่อมะเร็ง
รายงานกรีนพีซสากล เรื่อง “สารพิษในเส้นใย:แฟชั่นระดับโลกและการผลิต” ได้เปิดเผยผลวิเคราะห์ตัวอย่างเสื้อผ้าจำนวน 141 ชิ้นที่วางจำหน่ายใน 29 ประเทศ และซึ่งผลิตจากโรงงานจากไม่น้อยกว่า 18 ประเทศ รวมถึงประเทศไทย เพื่อแสดงถึงความเชื่อมโยงระหว่างอุตสาหกรรมฟอกย้อมและสิ่งทอที่มีการใช้สารเคมีอันตรายในกระบวนการผลิตและซึ่งตกค้างในผลิตภัณฑ์
“ผลิตภัณฑ์ เสื้อผ้าแบรนด์ต่างๆได้ทำให้ผู้บริโภคกลายเป็นเหยื่อมลพิษจากการจำหน่าย เสื้อผ้าที่ปนเปื้อนสารเคมีอันตราย การปล่อยน้ำเสียจากโรงงานฟอกย้อมที่มี อยู่ทั่วโลกจากการผลิตและผู้บริโภคต้องกลายเป็นผู้ก่อมลพิษโดยไม่รู้ตัวจาก การซักล้างเสื้อที่มีสารเคมีอันตราย” ยี ฟาง ลี่ ผู้ประสานงานด้านสารพิษ กรีนพีซ เอเชียตะวันออก กล่าว
จากการตรวจวิเคราะห์หาสารเคมีในตัวอย่างผลิตภัณฑ์เสื้อผ้า พบสารกลุ่มโนนิลฟีนอลอีทอกซิเลท (NFEs) ในปริมาณสูงกว่า 1,000 ppm ซึ่งจะแตกตัวเป็นสารรบกวนฮอร์โมน ในผลิตภัณฑ์เสื้อผ้าซาร่า มีเทอร์สบอนเว (Metersbonwe) ลีวายส์ (Levi’s) ซีแอนด์เอ (C&A) แมงโก้ (Mango)เคลวิน ไคลน์ (Calvin Klein) แจ็ค แอนด์ โจนส์ (Jack & Jones) และ มาร์ค แอนด์ สเปนเซอร์ (Marks & Spencer) นอกจากนี้ยังมีการพบสารกลุ่มกลุ่มพทาเลท (phthalates) ในปริมาณเข้มข้นสูงจาก 4 ผลิตภัณฑ์ตัวอย่าง และยังตรวจพบสารเอมีน (amines) ซึ่งมาจากการใช้สีฟอกย้อมเอโซ (azo dyes)3 จาก 2 ตัวอย่างจากผลิตภัณฑ์ ซาร่าอีกด้วย นอกจากนี้ยังพบสารเคมีอันตรายอื่นๆ ในอีกหลายตัวอย่าง
“สาร พิษที่พบจากตัวอย่างผลิตภัณฑ์จากซาร่านั้นเป็นสารที่จะแตกตัวกลายเป็นสาร รบกวนฮอร์โมนและสารก่อมะเร็ง ซึ่งเป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้สำหรับผู้บริโภค และประชาชนที่อาศัยอยู่บริเวณใกล้โรงงานที่ผลิตเสื้อผ้า ซาร่าจะทำให้มั่นใจได้อย่างไรว่าจะไม่มีการปนเปื้อนสารพิษในผลิตภัณฑ์ที่ ถูกวางจำหน่าย ดังนั้นในฐานะที่ซาร่าเป็นผู้ค้าปลีกเสื้อผ้ารายใหญ่ที่สุดในโลก ซาร่าจะต้องเป็นผู้นำที่มีความมุ่งมั่นและโปร่งใสในการขจัดสารพิษออกจาก เสื้อผ้าและออกจากห่วงโซ่การผลิตทั้งหมดอย่างเร่งด่วน”มาร์ตินฮอส์ซิกผู้ ประสานงานด้านสารพิษ กรีนพีชสากล กล่าว
ผลิตภัณฑ์เสื้อผ้าที่ถูกทดสอบนั้นส่วนใหญ่มีการผลิตจากโรงงานในซีกโลกใต้ รวมถึงกางเกงยีนส์ กางเกงขาสั้น เสื้อเชิ๊ต กระโปรง ชุดชั้นในสำหรับผู้ชาย ผู้หญิงและเด็ก ทั้งที่ผลิตจากเส้นใยธรรมชาติและเส้นใยสังเคราะห์ ซึ่งพบสารเคมีอันตรายตกค้างจากกระบวนการผลิตอยู่ในผลิตภัณฑ์
“ประเทศ ไทยก็เป็นหนึ่งในแหล่งผลิตเสื้อผ้าแบรนด์ชั้นนำของโลกและเป็นตลาดเสื้อผ้าแบ รนด์แฟชั่นที่มีการเติบโตสูง ปัจจุบันมีการผลิตเสื้อผ้ากว่า80,000ล้านชิ้น ทั่วโลกต่อปี หรือเท่ากับเสื้อผ้า11ชิ้นต่อประชากร1คน4 ซึ่งหมายถึงสารเคมีอันตรายปริมาณมหาศาลถูกใช้และปลดปล่อยสู่สิ่งแวดล้อม โดยที่อุตสาหกรรมฟอกย้อมและสิ่งทอยังคงใช้แหล่งน้ำสาธารณะของพวกเราเป็นท่อ ระบายน้ำส่วนบุคคล ซึ่งแฟชั่นนั้นไม่ควรที่จะต้องก่อมลพิษให้แก่โลก เสื้อผ้าของเราไม่ควรจะต้องผลิตจากสารเคมีอันตราย”พลาย ภิรมย์ ผู้จัดการฝ่ายรณรงค์ประจำประเทศไทย กรีนพีซ เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ กล่าว
กรีนพีชเรียกร้องให้ผลิตภัณฑ์เสื้อผ้า แบรนด์อื่นๆเข้าร่วมโครงการ “ล้างสารพิษ (Detox)” โดยจะต้องแสดงเจตจำนงอย่างน่าเชื่อถือในการบรรลุเป้าหมาย “การปล่อยมลพิษเป็นศูนย์” ให้ได้ภายในปีพ.ศ. 2563 เช่นเดียวกับที่ เฮชแอนด์เอ็ม (H&M) และ มาร์ค แอนด์ สเปนเซอร์ (M&S) ได้ให้คำมั่นที่จะทำแล้ว นอกจากนี้บริษัทจะต้องกำหนดให้โรงงานผลิตมีการเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับชนิด และปริมาณการปลดปล่อยสารเคมีอันตรายจากโรงงานสู่ชุมชนและแหล่งน้ำ
อ่านรายงานฉบับเต็ม“สารพิษในเส้นใย:แฟชั่นระดับโลกและการผลิต”
http://www.greenpeace.org/seasia/th/press/reports/Toxic-Threads/
ไร่รักษ์ไม้,มูลไส้เดือน,เกษตรแปรรูป,อุปกรณ์แค้มปิง,อุปกรณ์ป้องกันอุบัติภัย,เอาตัวรอดในภาวะวิกฤต