ระยะหลังมานี้ เป็นที่น่ายินดีว่า คนในกรุงเทพฯ เริ่มหันมาสนใจขี่จักรยานกันมากขึ้น สังเกตได้จากงานคาร์ฟรีเดย์เมื่อวันที่ 22-23 กันยายน ที่ผ่านมา มีการรวมกลุ่มของนักปั่นถึงจำนวนหลักหมื่น

แต่บ่อยครั้งที่นักปั่นเองก็ทำผิดกฎกติกามารยาทในการขี่บนท้องถนนจนมีคนเอาไปตั้งกระทู้ตำหนิบนเว็บไซต์พันทิปหลายต่อหลายครั้ง

"ไม่ติดไฟไม่ใส่หมวก ขี่ปล่อยมือ ขี่หวาดเสียวใช้กฎหมู่ฝ่าไฟแดง"เป็นข้อกล่าวหาที่ทำให้เพื่อนนักปั่น ด้วยกันเองก็หน้าม้านกันเป็นแถบเพราะพฤติกรรมเหล่านี้เป็นเรื่องจริงโดย เฉพาะกลุ่มวัยรุ่นที่ขี่จักรยานฟิกซ์เกียร์ซึ่งเป็นจักรยานไม่มีเบรกด้วย แล้ว มีเสียงตำหนิบนเว็บไซต์มากที่สุดเรื่องการขี่หวาดเสียว จนถูกขนานนามใหม่จากฟิกซ์เกียร์เป็น ฟิกซ์เกรียน เลยทีเดียว

ไม่เฉพาะกลุ่มวัยรุ่นที่คึกคะนองเท่านั้น แต่สำหรับนักปั่นหลายคนที่ไม่ตั้งใจคึกคะนอง แต่ขาดความรู้ กติกา การใช้ถนนร่วมกับผู้อื่น ก็สร้างความลำบากใจให้เพื่อนร่วมท้องถนนโดยไม่ตั้งใจอีกด้วย

แท้จริงแล้ว หลายคนอาจยังไม่ทราบกติกามารยาท ขาดความเข้าใจในการขี่จักรยานบนท้องถนน

ประชาชาติธุรกิจ ออนไลน์ จึงรวบรวมกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับจักรยาน โดยนำบางส่วนจาก "โครงการศึกษากฎหมายเกี่ยวกับการใช้จักรยานในประเทศไทย" ที่ชมรมจักรยานเพื่อสุขภาพแห่งประเทศไทย ยื่นต่อ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) เมื่อ 31 พฤษภาคม 2546 มานำเสนอเป็นเกร็ดความรู้

สำหรับ รถจักรยาน ควรขับขี่จักรยานอย่างไรในทางจราจร??  
ม.79 ทางใดที่ได้จัดทำไว้สำหรับรถจักรยาน ผู้ขับขี่รถจักรยานต้องขับในทางนั้น
ม.82 ผู้ขับขี่รถจักรยานต้องขับให้ชิดขอบทางด้านซ้ายของทางเดินรถ ไหล่ทาง หรือ ทางที่จัดทำไว้สำหรับรถจักรยานให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่ในกรณีที่มีช่องเดินรถประจำทางด้านซ้ายสุดของทางเดินรถ ต้องขับขี่รถจักรยานให้ชิดช่องเดินรถประจำทางนั้น
ข้อนี้อธิบาย คือ กรณีมีเลนรถประจำทางอยู่ด้านซ้ายสุดของถนน ต้องขี่รถจักรยานในเลนที่อยู่ทางด้านขวาของเลนรถประจำทาง โดยขี่อยู่ทางด้านซ้ายของเลนนั้น ซึ่งจะชิดกับเลนรถประจำทาง

กฎหมายจราจรกำหนดให้รถจักรยานต้องมี อุปกรณ์หลัก 4 อย่าง
ม.80 รถจักรยานที่ใช้ในทางเดินรถ ไหล่ทางหรือทางที่จัดทำไว้สำหรับรถจักรยาน ผู้ขับขี่รถจักรยานต้องจัดให้มี
1.กระดิ่งที่ให้เสียงสัญญาณได้ยินได้ในระยะไม่น้อยกว่า30 เมตร
2.เครื่องห้ามล้อที่ใช้การได้ดี เมื่อใช้สามารถทำให้รถจักรยานหยุดได้ทันที
3.โคมไฟติดห้ารถจักรยานแสงขาวไม่น้อยกว่าหนึ่งดวง ที่ให้แสงไฟส่องตรงไปข้างหน้า เห็นพื้นทางได้ชัดเจนในระยะไม่น้อยกว่า 15 เมตร และอยู่ในระดับต่ำกว่าสายตาของผู้ขับขี่ซึ่งขับรถสวนมา
4.โคมไฟติดท้ายรถจักรยานแสงแดง ไม่น้อยกว่าหนึ่งดวง ที่ให้แสงสว่างตรงไปข้างหลัง หรือ ติดวัตถุสะท้อนแสงสีแดงแทน ซึ่งเมื่อถูกไฟส่องให้มีแสงสะท้อน



การให้สัญญาณด้วยมือและแขนอย่างถูกต้อง
ม.37การใช้สัญญาณด้วยมือและแขนให้ปฏิบัติดังต่อไปนี้
1.เมื่อจะลดความเร็วของรถให้ยื่นแขนขวาตรงออกไปนอกรถเสมอระดับไหล่และโบกมือขึ้นลงหลายครั้ง
2.เมื่อจะหยุดรถให้ยื่นแขนขวาตรงออกไปนอกรถเสมอระดับไหล่ยกแขนขวาท่อนล่างตั้งฉากกับแขนท่อนบนและตั้งฝ่ามือขึ้น
3.เมื่อจะให้รถคันอื่นผ่านหรือแซงขึ้นหน้าให้ยื่นแขนขวาตรงออกไป นอกรถเสมอระดับไหล่ และโบกมือไปทางข้างหน้าหลายครั้ง
4.เมื่อจะเลี้ยวขวา ให้ยื่นแขนขวาตรงออกไปนอกรถเสมอระดับไหล่
5.เมื่อจะเลี้ยวซ้ายหรือเปลี่ยนช่องเดินรถไปทางซ้าย ให้ยื่นแขนขวาตรงออกไปเสมอระดับไหล่ และงอข้อมือชูขึ้นโบกไปทางซ้ายหลายครั้ง


หมายเหตุ ภาพประกอบสัญลักษณ์มือนำมาจากเว็บไซต์ต่างประเทศ ซึ่งขับรถพวงมาลัยซ้าย ภาพการทำมือจึงสลับข้างกับเนื้อหาของไทย

สิ่งที่ผู้ขี่จักรยานไม่ควรทำ 7 ประการ
ม.83 ในทางเดินรถ ไหล่ทาง หรือทางที่จัดทำไว้สำหรับรถจักรยาน ห้ามมิให้ผู้ขับขี่รถจักรยาน
1.ขับโดยประมาทหรือน่าหวาดเสียวอันอาจเกิดอันตรายแก่บุคคลหรือทรัพย์สิน
2.ขับโดยไม่จับคันบังคับรถ
3.ขับขนานกันเกินสองคันเว้นแต่ขับในทางที่จัดไว้สำหรับรถจักรยาน
4.ขับโดยนั่งบนที่อื่นอันมิใช่อานที่จัดไว้เป็นที่นั่งตามปกติ
5.ขับโดยบรรทุกบุคคลอื่นเว้นแต่รถจักรยานสามล้อสำหรับบรรทุกคน
6.บรรทุกหรือถือสิ่งของหีบห่อหรือของใดๆในลักษณะที่เป็นการกีดขวางการจับคันบังคับรถหรืออันอาจจะเกิดอันตรายแก่บุคคลหรือทรัพย์สิน
7.เกาะหรือพ่วงรถอื่นที่กำลังแล่นอยู่

และสุดท้ายรู้หรือไม่ว่ารถจักรยาน2ล้อ บรรทุกคนไม่ได้ บรรทุกได้แต่สิ่งของเพียง 30 กิโลกรัม (เท่านั้น) นั่นแปลว่า หากชายหนุ่มจะให้หญิงสาวซ้อนท้ายบนท้องถนนหลวงแล้วคงต้องคิดให้ดี เว้นแต่ถนนส่วนบุคคลหรือในที่ส่วนบุคคล ไม่น่าจะเป็นอะไร

เมื่อทำความเข้าใจกับข้อปฏิบัติ และข้อกฎหมายทั้งหมดนี้แล้ว นักปั่นทั้งหลายก็จะใช้ถนนร่วมกับผู้อื่นได้อย่างปลอดภัย สมเกียรติสองล้ออย่างแท้จริง

รูปภาพ  Bike to Work - BKK