จาก โพสต์ทูเดย์
โดย...นิธิ ท้วมประถม
สวัสดีครับท่านผู้อ่านทุกท่าน คอลัมน์ “เที่ยวไทยหัวใจใหม่ เมืองไทยยั่งยืน” กลับมาพบกับท่านผู้อ่านอีกครั้งแล้วนะครับ ทุกวันเสาร์สุดท้ายของเดือน เป็นอย่างไรกันบ้างครับช่วงนี้ หวังว่าท่านผู้อ่านทุกท่านจะสบายดี ไม่มีโรคภัยไข้เจ็บมาเยี่ยมเยือนนะครับ ดูแลตัวเองกันให้ดีๆ น้ำท่าก็ไม่น่าจะท่วมเหมือนปีก่อนแล้ว จะมีบ้างก็พอให้ตื่นเต้นกันไปตามฤดูกาล สบายๆ ครับ ห่วงก็แต่ถุงทรายที่อยู่ในท่อระบายน้ำเท่านั้นละครับ ว่าตกลงว่าจะเอาออกกันไปได้หรือยังเท่านั้นละ หุหุ
ช่วงนี้ลมหนาวมาเยือนตามที่ควรจะเป็นเป๊ะ เพียงแค่ปลายเดือน ต.ค.ชาวกรุงเทพฯ ก็ได้สัมผัสกับลมหนาวกับเขาบ้างแล้วเหมือนกัน แต่เห็นภาคเหนือ ว่ากันว่าอุณหภูมิบนภูต่างๆ เหลือเลขตัวเดียวแล้วด้วย โอว...เยี่ยมจริงๆ
ถ้ามีลมหนาวลงมาแบบนี้ และต่อเนื่องนานไปจนถึงสิ้นปีนี้ หรือถ้าให้ดีลากยาวไปถึงต้นปีหน้าเลย ก็เยี่ยมไปเลยนะครับ เพราะผมเชื่อว่า อากาศหนาวจะเป็นตัวกระตุ้นต่อมอยากเที่ยวของคนไทยให้เต้น ตุ๊บตั๊บๆ แบบวัยรุ่นเขาว่า “คัน” กันไม่น้อยทีเดียว และแน่นอนครับ สถานที่ที่เหมาะจะเที่ยวในช่วงฤดูหนาว เห็นทีจะหนีไม่พ้น “ภาคเหนือ” แน่นอน
ต้องยอมรับครับว่า ภาคเหนือนั้นมีมนต์เสน่ห์อยู่ไม่น้อยทีเดียว มีทั้งธรรมชาติ วัฒนธรรม ประเพณี อาหารพื้นถิ่น ที่ผมเชื่อว่าจะให้หนาวอีกสักหลายๆ หน คนก็ยังไปเที่ยวภาคเหนือไม่ทั่วอยู่ดี
และสัปดาห์นี้ ผมจะขอแนะนำแหล่งท่องเที่ยวภาคเหนือรับลมหนาวที่กำลังพัดมากระตุ้นให้เราคัน อยากเก็บเสื้อผ้าใส่กระเป๋าไปแอ่วเมืองเหนือกันหลายๆ ที่หน่อยแล้วกันครับ เอาไว้เป็นข้อมูลเบื้องต้น จะได้วางแผนกันถูก ตอนแรกผมก็ว่าจะไปก่อน แล้วค่อยมาเขียนรายงานให้ท่านผู้อ่านได้รับทราบ ก็กลัวว่าจะช้าไป ดอกม้งดอกไม้ร่วงไปหมดแล้วก็ไม่มีประโยชน์
ก็เลยตัดสินใจ นำข้อมูลจากท่านผู้อำนวยการภูมิภาค ภาคเหนือ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) คุณสุจิตรา จงชาณสิทโธ มาให้ท่านผู้อ่านได้เห็นกันเสียหน่อย ว่า ททท.ภาคเหนือ นั้นมีแหล่งท่องเที่ยวอะไรเก๋ๆ แนะนำบ้าง
ซึ่งท่านผู้อำนวยการสุจิตรา บอกว่า จริงๆ แล้ว ภาคเหนือนั้น สามารถท่องเที่ยวได้ทั้งปี ไม่ได้เฉพาะเจาะจงอยู่แค่ช่วงฤดูหนาวเท่านั้น ฤดูฝน ฤดูร้อน ก็เที่ยวได้ และมีแหล่งท่องเที่ยวที่เหมาะกับฤดูนั้นอีกด้วย เพราะภาคเหนือนั้น มี เส้นทางดอกไม้ นาข้าว ป่า ให้ได้ชมกันแบบจุใจอีกด้วย
อ่ะอ่ะ อย่าเพิ่งทำหน้าไม่เชื่อครับ เพราะท่านผู้อำนวยการท่านไล่เรียงมาเป็นตารางเลย เดี๋ยวจะหาว่าโม้
เริ่มตั้งแต่เดือนหน้าละกันครับ เที่ยวกันเลย เดือน พ.ย. มีดอกบัวตอง ที่บ้านหัวแม่คำ จ.เชียงราย ดอยแม่อูคอ ดอยแม่เหาะ อ.แม่เสรียง จ.แม่ฮ่องสอน ที่นี่มีร้านกาแฟสดคอยต้อนรับอยู่ (ศูนย์พัฒนาสงเคราะห์ชาวเขา จ.แม่ฮ่องสอน 053-692-984) ซึ่งดอกบัวตองจะบานไปจนถึงเดือน ธ.ค. และ 2 เดือนนี้ ยังมี ดอกไม้เมืองหนาว/ทิวลิป ที่ จ.เชียงใหม่ ดอยสุเทพ อ.เมืองเชียงใหม่ ที่นี่มีบริการบ้านพัก และเต็นท์ให้บริการด้วย (053-222-201-4) หรือถ้าเบื่อเชียงใหม่ไปเชียงรายก็ได้ที่ขุนแม่ยะ อ.แม่แตง ถนนหมายเลข 1095 แม่มาลัยปาย ที่นี่รับนักท่องเที่ยวได้ไม่เกิน 300 คนครับ ถ้าอยากค้างแรมต้องนำเต็นท์และอาหารไปเอง แต่ต้องแจ้งล่วงหน้าด้วย (053-217-453)
ถ้าไม่อยากชมดอกบัวตองเปลี่ยนบรรยากาศไปชม ทุ่งดอกทานตะวัน ทุ่งดอกบัวขั้น ที่ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรแพร่ ใช้ทางหลวงหมายเลข 101 ต.วังหงส์ บริเวณป่าสงวนแห่งชาติห้วยเบี้ย จ.แพร่ อยู่ห่างจากตัวเมืองไปทางทิศเหนือตามคลองส่งน้ำชลประทานประมาณ 20 กม. มีบ้านพัก 4 หลัง เต็นท์อีก 10 หลัง (054521387) ไปชมกันได้ตั้งแต่เดือน ต.ค.ม.ค. และ ส.ค.ได้
หรือถ้าวางแผนเที่ยวเดือนหน้าไม่ทัน ก็ขยับไปเดือน ธ.ค.เลยครับ ไปชมดอกนางพญาเสือโคร่ง ที่บานเต็มภูเขา ที่ขุนช้างเคี่ยน ขุนแม่ยะ จ.เชียงใหม่ มีบ้านพัก 5 หลัง ที่กางเต็นท์ 50 ที่ มีบริการอาหาร แต่ต้องแจ้งล่วงหน้า (053-222-014) หรือถ้าเบื่อเชียงใหม่ เปลี่ยนเส้นทางไปชมดอกนางพญาเสือโคร่ง ที่อุทยานภูหินร่องกล้า จ.พิษณุโลก ก็ได้เก๋ไปอีกแบบ เพราะอุทยานภูหินร่องกล้าปลูกต้นนางพญาเสือโคร่งเป็นพันๆ ต้นเต็มภูเขา
หรือถ้ายังรักเมืองเหนือ เดือน ธ.ค.ก็ต้องไปดู ป่าเปลี่ยนสี ซึ่งหาดูไม่ยากครับ เพราะเหตุการณ์ทางธรรมชาตินี้เห็นได้ทั่วไปบนดอยสูงของภาคเหนือ ไปชมได้เรื่อยๆ จนถึงเดือน ม.ค.ปีหน้าเลย โดยเฉพาะเส้นทางหลวงหมายเลข 108 บริเวณจุดชมวิวผาบ่อง อ.แม่ฮ่องสอน
ไม่ชอบป่าเปลี่ยนสี เห็นว่าธรรมดาไป ก็รออีกนิดเดือน ม.ค.ปีหน้า รอไปชม ดอกกล้วยไม้ (ช้างกระ) ที่ อ.เมือง จ.สุโขทัย จะเห็นช้างกระบานเต็มเมืองไปหมด อันซีนไทยแลนด์ ได้เลยครับ และในอาทิตย์ 3 ของเดือน ม.ค. จ.สุโขทัย จะจัดงานเทศกาลกล้วยไม้ “ช้างชนช้าง” ที่ อ.เมือง ซึ่งเป็นงานประกวดกล้วยไม้สายพันธุ์สกุลช้างอีกด้วย ชมช้างกระแล้ว จะขึ้นไปเที่ยวเมืองเหนือต่อก็ไม่ผิดกติกาใดๆ
ถัดมาเดือน ก.พ. ความหนาวยังคงหลงเหลือ ก็ขึ้นเหนือไปดู ดอกชมพูภูคา ดอกไม้ยอดนิยมและหาดูได้ยากยิ่งที่เมืองน่าน กันดีกว่าครับ ดอกชมพูภูคานั้นอยู่ที่อุทยานแห่งชาติดอยภูคา จ.ปัว ชมพูภูคานั้นเป็นพืชหายากใกล้สูญพันธุ์ ดอกมีสีชมพูอมขาว ซึ่งสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี พระราชทานให้เป็นดอกไม้สัญลักษณ์ในโครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมา จากพระราชดำริ ผมเองนั้นมีโอกาสไปดูชมพูภูคาหลายครั้งแล้วครับ เห็นบ้างไม่เห็นบ้างแล้วแต่จังหวะ บางปีไปถูกเดือน ถูกเวลา แต่ปีนั้นต้นชมพูภูคาออกดอกน้อยเสียงั้นไป
มาที่นี่แล้ว จะนอนเต็นท์ที่อุทยานฯ ก็ได้ครับ มีที่กางเต็นท์ให้บริการ ห้องน้ำห้องท่าสะอาดสะอ้านดี หรือจะย้อนกลับไปพักที่ อ.ปัว ก็ได้ครับ อำเภอเล็กๆ เงียบสงบดี มีรีสอร์ตเล็กๆ อยู่หลายแห่ง หรือจะเลยขึ้นไปถึง อ.บ่อเกลือ ก็ได้ครับ ไปดูบ่อเกลือสินเธาว์ว่าทำกันอย่างไร เอาน้ำใต้ดินมาต้มจนเดือดจนแห้งกว่าจะได้เป็นเกลือเม็ดมา หมดฟืน หมดเวลาไปไม่รู้เท่าไหร่ ที่บ่อเกลือมีรีสอร์ตครับ หรือจะขับรถต่อขึ้นไปที่ภูฟ้าซึ่งเป็นศูนย์พัฒนาชาวเขา ซึ่งเป็นโครงการตามพระราชดำริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ก็ยิ่งดีใหญ่ครับ จะได้ไปเห็นว่าสินค้าของร้านภูฟ้านั้น ส่วนหนึ่งมาจากยอดดอยแห่งนี้
นอกจากนี้ ในเดือน ก.พ. ยังสามารถชม ดอกเสี้ยว ดอกทองกวาว ดอกเสี้ยนฝรั่ง ได้อีกด้วยนะครับ โดยไปชมดอกเสี้ยวบานได้ที่บ้านผาตั้ง อ.เวียงแก่น จ.เชียงราย แต่ต้องขับรถไกลหน่อยนะครับ เพราะ อ.เวียงแก่นอยู่ห่างจากตัวเชียงราย 130 กม. ถนนดีครับลาดยางตลอด แต่ค่อนข้างจะลาดชันหน่อย
ส่วนดอกเสี้ยนฝรั่งนั้น อยู่ในเส้นทางหลวงหมายเลข 108 เส้นทาง อ.ขุนยวม จ.แม่ฮ่องสอน ลองติดต่อดูได้ที่ สำนักงานพัฒนาชุมชน อ.ขุนยวม (053686048) แต่ถ้าเป็นดอกทองกวาวบาน ก็ต้องไปที่ จ.พะเยา เลยครับ แต่ไม่ได้ไปเที่ยวกว๊านพะเยานะ เพราะดอกทองกวาวจะบานอยู่ 2 ฟากถนนช่วงถนนเข้าสู่ อ.ดอกคำใต้ ซึ่งห่างจากตัวพะเยา 12 กม. ในช่วงต้นเดือน ก.พ.ของทุกปี
ช่วงเดือน เม.ย.พ.ค. ไม่ต้องหาดอกไม้ภาคเหนือดูหรอกครับ ไปเที่ยวเทศกาลสงกรานต์กันให้ฉ่ำใจดีกว่า เมื่อเวลาล่วงเลยเข้ามาสู่หน้าฝนหน่อยๆ ในเดือน มิ.ย. เราก็เดินทางไปเที่ยวเหนือได้อีกครั้ง โดยไปชมภาพ นาขั้นบันได ที่ อ.แม่ลาน้อย จ.แม่ฮ่องสอน ที่นั่นไม่ใช่นาข้าวธรรมดานะครับ เพราะอยู่ในศูนย์พัฒนาโครงการหลวงแม่ลาน้อย อบต.ห้วยห้อม ไปดูให้เห็นกับตาว่า นาขั้นบันไดเวลาเขียวสุดลูกหูลูกตานั้นสวยแค่ไหน อ้อ...ไม่ต้องรีบนะครับ เพราะที่นั่นเขาทำนากันถึงเดือน ต.ค.เลย ว่างเดือนไหนค่อยไปก็ได้
หรือถ้าไม่อยากขับรถไกล เดือน มิ.ย.ก็ไปแค่ จ.ตาก ก็ได้ครับ เพราะที่อุทยานแห่งชาติน้ำตกพาเจริญ อ.พบพระ มีสวนดอกกระเจียวสีส้ม แสนสวยอยู่เป็นทุ่งครับ เปลี่ยนบรรยากาศที่เห็นดอกกระเจียวแถวชัยภูมิกันมามากแล้ว มาดูดอกกระเจียวสีส้มกันบ้างก็น่าสนใจไม่น้อย
ยังไม่หมดแค่นี้หรอกนะครับ บอกแล้วว่าภาคเหนือยังมีที่เที่ยวอีกมาก และผมเชื่อว่ากำลังน่าสนใจอีกหลายแห่ง อย่างที่ ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงวัดจันทร์ อ.กัลยาณิวัฒนา จ.เชียงใหม่ นี่ก็สวยเหลือเกินครับ ผมไปมา 3 ครั้ง ไปตั้งแต่ยังไม่ดัง ยังไม่มีใครรู้จักเลยครับ เพราะเป็นเส้นทางออฟโรดที่ตัดมาจากแม่ฮ่องสอนครับ สมัยก่อนเรียกว่าทางเลียบฟ้า เพราะถนนวิ่งอยู่บนสันเขา ด้านซ้ายก็เหว ด้านขวาก็เหว แต่สวยมากครับ น่าเสียดายที่เดี๋ยวนี้ทำทางดีหมดแล้ว ไม่มีทางธรรมชาติแบบนั้นให้เห็นอีกแล้ว
โครงการหลวงวัดจันทร์ จุดเด่นคือ มีป่าสนเขาธรรมชาติผืนใหญ่ที่สุดและสมบูรณ์ที่สุดในประเทศไทยเลยก็ว่าได้ มีทั้งสน 2 ใบ และ 3 ใบ ให้ชมกันแบบจุใจเลยครับ ยิ่งอากาศหนาวๆ มีทะเลหมอกหนาๆ ให้ชมอีกด้วย โอว...โรแมนติกสุดๆ
นอกจากชมป่าสนแล้ว ยังสามารถชมแปลงสาธิตผักและผลไม้เมืองหนาว อย่าง บ๊วย พลับ พลัม สาลี่ ใครอยากเห็นต้นเป็นๆ ของผลไม้เมืองหนาวแบบนี้ ไปชมให้เห็นกับตาได้เลย ไม่ดูต้นไม้อยากดูน้ำตกก็มีให้ชม คือ น้ำตกห้วยฮ่อม ซึ่งเป็นน้ำตกที่เป็นตาน้ำของลำน้ำแม่แจ่มและลำน้ำปาย ที่นี่ชุ่มชื้นมากครับ เฟิร์นเพียบ ใครชอบถ่ายรูปแบบมาโครละก็ไม่ผิดหวัง มีทั้งต้นไม้ ดอกไม้เล็กๆ ให้พิสูจน์พลังเลนส์และสายตาตัวเองได้เลย
หรือถ้าเบื่อธรรมชาติ อยากคลุกคลีกับชาวบ้านก็ได้เลย ไปชมวิถีชีวิตของชาวปะเกอกะเญอ ไปดูประเพณีเลี้ยงผี พิธีมัดมือ พิธีเลี้ยงแก้บน รวมถึงไปชมวัดจันทร์ซึ่งเป็นวัดเก่าแก่ สร้างมา 300 กว่าปีแล้ว เป็นที่ประดิษฐานของพระธาตุจอมแจ้ง ว่ากันว่าสร้างมาตั้งแต่สมัยลัวะ หรือละว้า ต่อมาได้มีการค้นพบและบูรณะครั้งแรกสมัยที่ครูบาศรีวิชัยธุดงค์ผ่านมาใน บริเวณวัดจันทร์ในปัจจุบัน ซึ่งเมื่อก่อนเป็นป่ารกร้าง ท่านครูบาศรีวิชัยและชาวบ้านได้ช่วยกันบูรณปฏิสังขรณ์องค์พระธาตุใหม่ โดยสร้างซ่อมแซมหุ้มพระธาตุองค์เดิม และวัดนี้ก็เป็นวัดที่ชาวกะเหรี่ยงพุทธศรัทธามาก
จริงๆ แล้วอยากแนะนำอย่างนี้ครับ ถ้าอยากไปเที่ยววัดจันทร์ เริ่มต้นที่เชียงใหม่ง่ายกว่าครับ แล้วขับรถไป อ.กัลยาณิวัฒนา ซึ่งก็ไม่ไกลมากครับ หารถยนต์นั่งกำลังดีๆ ไปได้สบายครับ ไปเที่ยววัดจันทร์ออกจากเชียงใหม่เช้าถึงวัดจันทร์บ่ายๆ นอนค้างที่ศูนย์ฯ สักคืน แล้วขับรถไปเที่ยว ที่ อ.ปาย ต่อก็ได้ครับ ขับรถไปอีกประมาณ 100 กม. แต่เป็นทางขึ้น-ลงเขานะครับ ต้องขับรถแข็งแรงๆ หน่อยก็ไม่มีปัญหา เพราะผมเองเวลาไป อ.ปาย ถ้ามีเวลาก็จะแวะไปวัดจันทร์เสียหน่อย แล้วค่อยขับกลับลงไป อ.ปายต่อ ถึงปายพอดีเย็นๆ ครับ แต่ไม่แนะนำ เพราะเหนื่อยแน่นอนและรถต้องมีกำลังดีด้วย
ลองติดต่อไปดูครับ ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงวัดจันทร์ บ้านเด่น (053-318-325)
อีกที่ที่อยากแนะนำ คือศูนย์พัฒนาโครงการหลวงพระบาทห้วยต้ม อ.ลี้ จ.ลำพูนจังหวัดทางผ่านเล็กๆ ก่อนจะถึงเชียงใหม่ จังหวัดที่ไม่มีใครแลตามองนัก แต่กลับซ่อนความยิ่งใหญ่เอาไว้ไม่น้อยทีเดียว เพราะที่นี่เป็นศูนย์พัฒนาโครงการหลวงที่ตั้งอยู่เหนือระดับน้ำทะเลไม่มาก นัก แต่กลับเด่นในเรื่องจองแปลงสาธิตทางการเกษตร อย่างมะม่วงพันธุ์นวลคำ เกรปฟรุตเบอร์รี มัลเบอร์รี คะน้าดอยคำ มะเฟืองสายพันธุ์ไต้หวัน
นอกจากนี้ บริเวณใกล้ๆ กับศูนย์ฯ นักท่องเที่ยวสามารถเที่ยวเชิงวัฒนธรรมได้เป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นวัดพระพุทธบาทห้วยต้ม ที่ในวัดมีรอยพระพุทธบาท และสรีระของท่านครูบาชัยยะวงศาพัฒนา ที่ไม่เน่าเปื่อย ซึ่งจะมีงานเปลี่ยนผ้าครูบาในช่วงวันที่ 15-17 พ.ค.ของทุกปี
แต่ถ้าใครชอบช็อปปิ้ง ผมว่าคนไทยส่วนใหญ่น่ะชอบ พลาดไม่ได้กับการทอผ้าลายโบราณของชาวเขาเผากะเหรี่ยง ที่มีวิธีการทอแปลกตามากครับ เพราะใช้กี่ทอผ้ามัดเอวแล้วก็ทอ ส่วนสีของผ้ามาจากธรรมชาติอย่างเปลือกไม้คราม ลายผ้าทอที่นี่เป็นลายผ้ายกดอก และกลายเป็นสินค้าโอท็อประดับ 5 ดาวไปแล้ว และยังมีหัตถกรรมสานไม้ไผ่ด้วยมือ อย่างตะกร้าใส่ผัก ตะกร้าใส่ขวดไวน์ก็มีให้เลือก ที่สำคัญถูกเสียด้วย
อยากไปแวะชม ติดต่อไปครับ ที่ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงพระบาทห้วยต้ม บ้านผาลาด อ.ลี้ จ.ลำพูน (053-518-059) ได้เลย
เป็นอย่างไรครับ นี่แค่เบาะๆ นะครับ เมืองเหนือยังมีแหล่งท่องเที่ยวดีๆ อยู่อีกไม่น้อย แล้วผมจะทยอยเอามาลงให้ท่านผู้อ่านเก็บไว้เป็นแนวทางสำหรับวางแผนท่องเที่ยว ช่วงหนาวนี้นะครับ
ผมบอกแล้ว เมืองไทยของเรา มหัศจรรย์จริงๆ!!
รักษ์ไม้,ปุ๋ยมูลไส้เดือน,มูลไส้เดือนดิน,การเลี้ยงไส้เดือน,ปุ๋ยอินทรีย์,ปุ๋ยชีวภาพ