จาก โพสต์ทูเดย์

โดย...องค์ชายห้า

อร่อยบ้านๆ ที่กาญจนบุรีหลายสัปดาห์ก่อนมีโอกาสไปเยือน จ.กาญจนบุรี ในวันที่ฝนตกพรำ แสนชุ่มฉ่ำจริง...

ไปเมืองกาญจน์ ใครๆ ก็ชอบไปเล่นน้ำตก ไปเที่ยวเขื่อน ไปแก๊งใหญ่ๆ ก็ต้องไปลงแพ ล่องแก่ง แต่ที่แน่ๆ จะต้องหาของอร่อยๆ กินกัน

ความปรารถนาแท้จริง คือ อยากไปเข้าป่า กินลม แต่เที่ยวนี้มีเวลาน้อยไปนิด คือ ไปเช้าเย็นกลับ เลยแวะหาร้านอร่อยๆ ที่มีบรรยากาศติดริมน้ำ และก็ไม่ผิดหวังครับ

ร้านอาหารที่ผมใคร่อยากจะแนะนำคราวนี้ เติมเต็มความรู้สึกแบบครบรส ชื่อว่า My Secret Restaurant แม้ร้านจะตั้งอยู่ใจกลางเมือง แต่บรรยากาศนั้นแสนจะธรรมชาติ

ห่างจากศาลากลางประมาณกิโลเศษๆ ก่อนเข้าตัวเมืองกาญจนบุรี เจอสี่แยกไฟแดงศาลากลางจังหวัดฯ ให้เลี้ยวซ้ายที่สี่แยกมุ่งหน้า อ.ด่านมะขามเตี้ย ตรงมาสัก 1 กิโล เจอสะพานข้ามแม่น้ำแม่กลอง ให้เลี้ยวขวาเข้าซอยก่อนข้ามสะพาน จะเห็นป้ายร้านกันแล้ว และวิ่งเข้ามาสัก 600 เมตร ร้านจะอยู่ทางซ้ายมือริมแม่น้ำแม่กลองพอดี

โอ้โห...ความรู้สึกครั้งแรกที่ได้สัมผัสกับบรรยากาศรอบร้าน ด้านหน้าติดกับแม่น้ำแม่กลอง มองเห็นฉากของภูเขาโอบล้อมด้วยป่าเขาสีเขียวซึ่งตั้งอยู่ฝั่งตรงข้าม มันสวยงามอย่างบอกไม่ถูก ผมว่าเนี่ยล่ะคือเสน่ห์ของ จ.กาญจนบุรี ที่ไม่เหมือนใครและไม่มีใครเหมือน

ส่วนบรรยากาศร้านก็ชิลชิล สบายๆ ไม่ได้หรูหรา แต่สัมผัสได้ถึงความสบาย ยิ่งยามเย็นที่นี่จะครึกครื้นไปด้วยผู้คนที่มานั่งกินข้าว จิบเบียร์เบาๆ กัน

ทีเด็ดของร้านนี้อยู่ที่รสชาติของอาหาร จะบอกอย่างไงดีล่ะ คือมันเป็นอาหารบ้านๆ ที่ขึ้นชื่อของ จ.กาญจนบุรี เขาน่ะแหละ เพราะวัตถุดิบส่วนใหญ่มาจากธรรมชาติ ทั้งปลาคัง ปลาสลิด ก็เป็นของขึ้นชื่อที่นี่ เมื่อบวกกับฝีมือเต็งหนึ่งของเชฟที่ได้รางวัลแกงป่าประจำจังหวัดมา 3 ปีซ้อนเป็นเครื่องการันตี กินกี่ทีกี่จานก็จะติดใจ

วันนี้เราเริ่มต้นสตาร์ตเบาๆ กับเมนูที่เป็นซิกเนเจอร์ของทางร้าน คือ “เป็ดสาดเกลือ” รับรองว่าท่านเพิ่งจะเคยได้ยินเมนูนี้เป็นครั้งแรก เมื่อสัมผัสกับรสชาติถึงกับอึ้ง เพราะมันทั้งหอม ทั้งกรอบ ทางร้านเลือกใช้เฉพาะเป็ดไล่ทุ่งซึ่งเป็นเป็ดหนุ่มรุ่นกระทง ที่นอกจากตัวเล็กกำลังเหมาะ ยังให้เนื้อแน่นแบบติดกระดูกอีกต่างหาก

กรรมวิธีการทำก็ค่อนข้างยุ่งยากสักหน่อย เมื่อคัดสรรเป็ดได้แล้วก็นำไปหมักเกลือกับเครื่องเทศ จากนั้นก็นำไปย่างไฟขี้เถ้าประมาณ 3 ชั่วโมง เวลากินก็นำไปทอดกรอบอีกที แม่เจ้าโว้ยย... เมื่อกินกับน้ำจิ้มสูตรเฉพาะของทางร้านยิ่งกินเพลินเกินห้ามใจ

อีกเมนูที่ไม่อยากให้พลาด คือ “แกงป่าไก่ไทย” เมนูที่ขึ้นชื่อของทางร้าน อย่างที่บอกไว้ว่าเชฟที่ทำเมนูนี้ได้รับรางวัลชนะเลิศการประกวดอาหารไทยของ จ.กาญจนบุรี มาแล้วถึง 3 ครั้ง ทีเด็ดคือเชฟจะใช้ไก่ไทยรุ่นกระทง เนื้อยังไม่เหนียวเท่าไหร่ นำมาเลาะกระดูกก่อนแกง น้ำแกงจะขลุกขลิกและอุดมไปด้วยเครื่องเทศนานาตำรับแกงป่า รสชาติจัดจ้าน เป็นเมนูขวัญใจของคนชอบรสชัด

มาถึงเมนูที่ผมแอบปลื้ม และทำให้รู้ว่าปลาสลิดไม่ได้มีแค่ที่บางบ่อ แต่ยังมีที่หนองขาว และตลาดชุกกระโดน จ.กาญจนบุรี ที่ทั้งเนื้อแน่ เนื้อฟู และไม่เค็ม เมนูนี้เป็นฉู่ฉี่ปลาสลิดใบชะพลู รสชาติเข้มข้นเข้าขากันดีกับปลาสลิดของดีพื้นถิ่น กินกับข้าวสวยร้อนๆ อร่อยมากขอบอก

ก่อนตบท้ายด้วยเมนูที่ซดคล่องคอ ต้มยำปลาคัง รสชาติจัดจ้านตำรับต้มยำ แต่ที่พิเศษของเมนูนี้ก็คือปลาคังที่ให้เนื้อหวาน เพราะเป็นปลาธรรมชาติที่ชาวประมงจับมาได้จากเขื่อนเขาแหลม และเขื่อนศรีนครินทร์ แล้วนำมาส่งให้ทุกวัน

นอกจากนี้ ยังมีเมนูเด็ดๆ ให้เลือกลิ้มลองกันอีกมากมาย ปลาช่อนอกแตก เมนูที่ให้สัมผัสความอร่อยถึง 2 รสชาติ คือ ทะเลพบกับแม่น้ำ เข้าใจง่ายๆ ก็คือปลาช่อนพบกับปลาหมึกราดด้วยซีฟู้ด และยังมีเมนูตามฤดูกาลของแกงคั่วหอยขม ไม่มีรายชื่อในเมนู ขึ้นอยู่กับว่าจะจับได้วันไหนก็จะเข้ามาแจมด้วย

วันนั้นเราปิดท้ายมื้อด้วยการนั่งเรือไปชมแม่น้ำสองสีที่เขาพูดถึงกัน นักหนาว่ามีอยู่จริง แล้วมันก็จริงดังว่า เพราะเป็นการบรรจบกันของแม่น้ำ 3 สาย ระหว่างแม่น้ำแม่กลองที่น้ำมีสีขุ่น กับแม่น้ำแควใหญ่และแม่น้ำแควน้อย ที่น้ำไหลลงมาจากภูเขาจึงเป็นน้ำที่ใสสะอาด แล้วมาบรรจบกันที่กลางเมือง เป็นความมหัศจรรย์ใจจริงๆ

วันนั้นเรากลับมากรุงเทพฯ เกือบค่ำ พร้อมกับความทรงจำที่แสนประทับใจกับทริปนี้ เอาเป็นว่าถ้ามีโอกาสไปเที่ยวที่ จ.กาญจนบุรี เมื่อไหร่ ก็ลองแวะไปกินอาหารบ้านๆ ที่ร้านนี้กันดูสักมื้อสิครับ แล้วคุณจะรู้สึกเช่นเดียวกับพวกผม หาไม่เจอ โทร. 034-622-531 ร้านเปิด 12.00–24.00 น.

รักษ์ไม้,ปุ๋ยมูลไส้เดือน,มูลไส้เดือนดิน,การเลี้ยงไส้เดือน,ปุ๋ยอินทรีย์,ปุ๋ยชีวภาพ