จากประชาชาติธุรกิจ
หากสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนียังทรงพระชนมชีพอยู่ "สมเด็จย่า" ของปวงชนชาวไทยจะเจริญพระชนมายุครบ 112 พรรษา ในวันอาทิตย์ที่ 21 ตุลาคม พ.ศ. 2555 แม้ความเป็นจริง พระองค์ได้เสด็จสู่สวรรคาลัยมานานกว่า 17 ปีแล้ว
ทว่าด้วยพระมหากรุณาธิคุณของสมเด็จย่า ยังคงตราตรึงอยู่ในใจทุกดวงของพสกนิกรชาวไทย ผ่านพระราชกรณียกิจนานัปการอันเป็นคุณประโยชน์แก่ประเทศชาติ จนถึงช่วงเวลาสุดท้ายแห่งพระชนมชีพ อย่างไม่เคยเลือนหายตามกาลเวลา
จากสตรีสามัญชน ผู้เป็นลูกกำพร้าตั้งแต่เยาว์วัย ก้าวขึ้นสู่ฐานะต้นแบบของ "แม่" ผู้ทรงอภิบาลและกล่อมเกลาพระมหากษัตริย์ถึง 2 พระองค์ ทั้งยังจำต้องพานพบความพลัดพรากจากคู่ชีวิต ภายหลังการสิ้นพระชนม์ของสมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก
ขณะที่สมเด็จย่าเจริญพระชนมายุเพียง 29 พรรษาเท่านั้น จึงต้องทรงรับพระราชภาระประคับประคองพระโอรสและพระธิดา ก้าวผ่านพ้นสายลมร้อนหนาวแห่งความผันผวนทางการเมืองแต่เพียงพระองค์เดียว ด้วยดวงพระราชหฤทัยอันเข้มแข็งเกินกว่าจะควานหาสตรีใดมาเทียบเคียง
นอกเหนือจากพระราชกรณียกิจและโครงการตามพระราชดำริที่คนไทยเคยได้ประจักษ์จนเจนตาแล้ว
พระราชจริยวัตรอันงดงามในความเรียบง่ายของพระองค์ยังคงเป็นสิ่งที่เล่าขานอยู่เสมอ ยืนยันผ่านการบอกเล่าจากผู้ถวายงานใกล้ชิดกว่า 28 ปี "ม.ร.ว.ดิศนัดดา ดิศกุล" หรือ "คุณชายดิศ" ราชเลขานุการใน "สมเด็จย่า" ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2510 จวบจนพระองค์เสด็จสวรรคต พูดคุยให้ "ประชาชาติธุรกิจ" ฟังด้วยน้ำเสียงและแววตาสะท้อนสื่อภาพประทับใจต่อพระองค์ท่านที่ยังคงแจ่มชัดตราบจนถึงปัจจุบัน
"สมเด็จย่าทรงเป็นคุณครูใหญ่ในชีวิตของผม พระองค์สอนทุกอย่างผ่านการกระทำของพระองค์ โปรดความ
เรียบง่ายเป็นที่สุด พร้อมยังไม่เคยเห็นพระองค์กล่าวว่าร้ายใคร มีแต่อยากช่วยเหลือผู้อื่นตลอดเวลา แต่ยังเคยรับสั่งว่า สิ่งที่พระองค์ทรงงานมาโดยตลอดนั้น ยังเป็นเรื่องน้อยนิดมาก พระองค์อยากทรงงานได้มากกว่านี้ แต่กำลังพระวรกายมีเพียงแค่นี้"
ตลอดพระชนมชีพ 94 พรรษา สมเด็จย่าทรงมีพระปรีชาญาณในการบริหารจัดการเวลาอย่างดีเยี่ยม ไม่ใช่เพียงตามพระราชภารกิจเท่านั้น แม้ว่าในยามว่าง พระองค์ยังทรงใช้เวลาส่วนพระองค์ยังประโยชน์ต่อผู้อื่นและต่อสังคม
"ด้วยความที่พระองค์ไม่โปรดการปล่อยเวลาให้เสียเปล่า แม้แต่เวลาทอดพระเนตรโทรทัศน์ พระหัตถ์ของพระองค์ยังทรงเด็ดพริกใส่กระป๋องด้วยความพิถีพิถัน พร้อมรับสั่งให้เก็บขั้วพริกไว้ด้วย จะได้เก็บกลิ่นหอมไว้ได้นาน เพื่อส่งไปให้ตำรวจตระเวนชายแดน ทั้งยังรับสั่งเสมอมาว่า เวลาเป็นของมีค่า"
อีกเรื่องที่นักหนังสือพิมพ์อาจยังไม่ทราบว่า สมเด็จย่าทรงอ่านข่าวจากหนังสือพิมพ์หลายฉบับอยู่เป็นประจำ เมื่อพระองค์ทรงพบข่าวใดที่สนพระทัยเป็นพิเศษ พระองค์จะทรงขีดเส้นใต้ไว้ด้วยดินสอสีแดง หรือบางครั้งก็ตัดข่าวด้วยพระองค์เองอยู่เป็นบ่อยครั้ง เพื่อให้ข้าราชบริพารไปตรวจสอบความจริงก่อน แต่ถ้าข่าวนั้นเป็นเรื่องจริง ถึงจะทรงมีพระประสงค์ให้ความช่วยเหลือต่าง ๆ แม้แต่ระหว่างเสวยพระกระยาหาร บทสนทนาระหว่างพระองค์ท่านก็หนีไม่พ้นเรื่องพัฒนาชนบท หรือจะหาหนทางช่วยเหลือคนไทยและผู้ยากไร้อย่างไรได้บ้าง
จากพระราชปณิธานอันแน่วแน่ ก่อเกิดเป็นหน่วยงานและองค์กรมูลนิธิสาธารณกุศลมากมายกว่า 30 หน่วยงาน ตั้งแต่หน่วยแพทย์อาสา (พอ.สว.) มูลนิธิขาเทียม และโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนให้กับเด็กที่อยู่ในเขตป่าเขาอันห่างไกล แต่หนึ่งในโครงการหลวงที่ยังคงเติบโตแข็งแรงอย่างต่อเนื่อง กลายเป็นที่รู้จักทั้งในและต่างประเทศ ต้องยกให้ "โครงการพัฒนาดอยตุง" จังหวัดเชียงราย
ด้วยพระราชอุตสาหะ พลิกฟื้นยอดเขาหัวโล้นสูงเสียดฟ้า เปลี่ยนดอยตุงเป็นผืนป่าที่เขียวขจีหล่อเลี้ยงชีวิตชาวไทยภูเขาให้ลืมตาอ้าปากได้ ยกเลิกการเผาป่า ทำไร่เลื่อนลอย ปลูกฝิ่น จนได้รับการยกย่องให้เป็น "ต้นแบบ" ของการพัฒนาอย่างยั่งยืน เป็นที่มาของพระสมัญญานาม "แม่ฟ้าหลวง" ที่ชาวไทยภูเขาถวายแด่สมเด็จย่า เปรียบเสมือนที่พระองค์ท่านเสด็จลงมาจากฟากฟ้า เพื่อปัดเป่าทุกข์ และช่วยให้พวกเขามีชีวิตที่ดีขึ้น
แม้ยามนี้ได้สิ้นแม่ฟ้าหลวงแล้ว ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2538 มูลนิธิแม่ฟ้าหลวงและโครงการดอยตุงยังเดินหน้าพัฒนาอย่างขะมักเขม้น โดยในหลวงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้ ม.ร.ว.ดิศนัดดา เป็นเสมือน "เสาหลัก" สืบสานพระราชปณิธานต่อจากสมเด็จย่า ในฐานะเลขาธิการมูลนิธิแม่ฟ้าหลวง
ม.ร.ว.ดิศนัดดาเล่าให้ฟังต่อว่า ในสมัยที่สมเด็จย่าทรงงานอยู่ พระองค์ทรงมีพระอุปนิสัยประการหนึ่งคือ โปรดที่จะทรงงานด้วยพระองค์เอง และทรงมีหลักการสำคัญเวลามีใครมาทูลสิ่งใดกับท่าน ต้องตรวจสอบให้แน่ชัดเสียก่อน ต้องรับฟังจากหลายคน ก่อนจะเชื่อในสิ่งใด และต้องมีเหตุและผลเสมอ
ตลอดเวลาที่ได้อยู่ใกล้ชิดรับใช้สมเด็จย่าเกือบ 3 ทศวรรษ คุณชายดิศได้เรียนรู้ ซึมซับ และยึดหลักปฏิบัติตามแบบอย่างพระองค์ รวมถึงการเลี้ยงดูลูกด้วย สมเด็จย่าไม่โปรดรับสั่งว่า ต้องทำอย่างไร เพียงแต่จะยกตัวอย่างให้ฟังว่า พระองค์ทรงอภิบาลพระราชธิดาและพระราชโอรสมาอย่างไร
เหตุการณ์ที่ ม.ร.ว.ดิศนัดดา ยังคงจดจำได้เป็นอย่างดี
"เมื่อครั้งหนึ่งระหว่างเสด็จเยี่ยมราษฎรในแถบภาคอีสาน พระองค์ทอดพระเนตรคนสูบบุหรี่ แล้วทิ้งก้นบุหรี่ พร้อมใช้เท้าเหยียบลงบนพื้น แต่พระองค์ไม่รับสั่งใด ๆ เพียงแต่เสด็จพระราชดำเนินก้มลงหยิบก้นบุหรี่ แล้วนำไปทิ้งถังขยะที่วางอยู่ใกล้ ๆ ผมยังจำได้ว่า ผู้ชายคนนั้นเลิกสูบบุหรี่นับแต่วันนั้นเลย"
จนถึงเวลานี้ คนไทยยังคงคิดถึงพระราชมารดาผู้อภิบาลสองพระราชาในใจทวยราษฎร์ ด้วยพระพักตร์เปื้อนรอยแย้มสรวล ภายใต้พระวรกายแสนบอบบาง อย่างไม่เสื่อมคลาย ดั่งเช่นคำสรรเสริญพระบารมีที่ราชเลขาฯ ผู้ใกล้ชิดบอกไว้ว่า
"ไม่มีอีกแล้วผู้หญิงอย่างสมเด็จย่า"
สำนักงานบัญชี,สำนักงานสอบบัญชี,ทำบัญชี,สอบบัญชี,ที่ปรึกษา,การจัดการ,เศรษฐกิจการลงทุน