จากประชาชาติธุรกิจ
เว็บไซต์นิตยสารดิอีโคโนมิสต์ (17 ก.ค.) ออกบทความวิจารณ์โครงการรับจำนำข้าว จากนั้นหนึ่งสัปดาห์เศษ (30 ก.ค.) นักวิเคราะห์จากสำนักข่าวรอยเตอร์ เขียนคอลัมน์วิเคราะห์โครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาลไทยเช่นกัน
ในฟาก ของดิอีโคโนมิสต์ วิจารณ์นโยบายจำนำข้าวของรัฐบาลไทยเริ่มจากตั้งคำถามถึงความโปร่งใส และความยั่งยืนของโครงการประชานิยมดังกล่าว โดยเชื่อมโยงกับคะแนนนิยมทางการเมืองของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่สุ่มเสี่ยงขึ้นจากนโยบายนี้ ขณะเดียวกันก็อธิบายเฉกเช่นที่เป็นข่าวในบ้านเราถึงราคาข้าวไทยที่พุ่งสูง ขึ้นอาจส่งผลให้ไทยต้องสูญเสียสถานะผู้ส่งออกข้าวรายใหญ่สุดของโลกให้กับ เวียดนามหรืออินเดีย
โดยดิอีโคโนมิสต์ วิเคราะห์ว่า นโยบายดังกล่าวไม่สามารถช่วยดันราคาข้าวไทยให้สูงในตลาดโลกได้ ทั้งยังส่งผลปริมาณข้าวจำนวนมากที่ค้างสต๊อกและไม่มีที่จัดเก็บเพียงพอ ซึ่งส่งผลกระทบต่อผู้ส่งออกข้าวรายย่อยในประเทศที่มีข้าวขายจำนวนน้อยลง และต้องเผชิญปัญหาข้าวราคาสูงขายได้ยาก
ขณะที่ นักวิเคราะห์จากสำนักข่าวรอยเตอร์ออกบทวิเคราะห์วิจารณ์นโยบายรับจำนำข้าว ว่ามีภาวะสับสนระหว่างตัวนโยบายจากการหาเสียงกับการปฏิบัติที่ส่งผลต่อ สถานการณ์ประเทศที่ส่งออกข้าวเป็นอันดับหนึ่งในโลก ซึ่งรอยเตอร์ระบุว่าแม้รัฐบาลไทยจะระบุว่าส่งออกข้าวปี 2555 ทั้งปีจะอยู่ที่ 9.5 ล้านตัน แต่ผ่านไปครึ่งปียังคงมีปัญหาข้าวค้างสต๊อกจำนวนมากจากผลของนโยบายประชานิยม จากโครงการรับจำนำข้าว
บทวิเคราะห์ของรอยเตอร์ชิ้นนี้ระบุว่า หนทางเดียวที่จะผลักดันการส่งออกข้าวไทยให้เพิ่มขึ้น คือการยกเลิกนโยบายการแทรกแซง และนำข้าวในสต๊อกออกขายในราคาตลาด แม้การทำเช่นนี้อาจส่งผลต่อราคาที่จะไม่ได้ตามเป้า เพราะยังมีปัจจัยจากจีน และอินโดนีเซียที่มีผลผลิตปีนี้ค่อนข้างดีและสามารถขายข้าวในประเทศได้มาก รวมไปถึงคู่แข่งส่งออกสำคัญทั้งอินเดีย และจีน แต่การที่รัฐบาลไทยกลับขยายเวลาโครงการรับจำนำออกไปอีก 3 เดือน ในขณะที่นโยบายโครงการรับจำนำให้ราคารับจำนำต่อเกษตรกรสูงกว่าราคาตลาดโลกถึง 37 เปอร์เซ็นต์ ส่งผลให้รัฐบาลมีภาระต้องใช้เม็ดเงินจำนวนมากเพื่อรับจำนำข้าวที่มีปัญหาขายไม่ออก เพราะราคารับจำนำสูงกว่าตลาดโลก ซึ่งขณะนี้สถานการณ์โครงการรับจำนำข้าว และการแก้ปัญหาการส่งออกข้าวไทยยังถือเป็นปัญหาหนักในอนาคตได้และทำให้ไทยอาจสูญเสียการเป็นผู้นำในการส่งออกข้าว
รักษ์ไม้,ปุ๋ยมูลไส้เดือน,มูลไส้เดือนดิน,การเลี้ยงไส้เดือน,ปุ๋ยอินทรีย์,ปุ๋ยชีวภาพ